เลือกกุญแจล็อคบ้านอย่างเหมาะสม เพื่อความมั่นใจในการป้องกันทรัพย์สิน

การรักษาความปลอดภัยภายในบ้านเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ และเครื่องมือช่วยแรกที่มักถูกนำเสนอคือ “กุญแจล็อคบ้าน” หรือ “กุญแจคล้อง” ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการโจรกรรม. แต่การปรับใช้วิธีการโจรกรรมในปัจจุบันมีความหลากหลาย, ดังนั้น การเลือกใช้กุญแจล็อคบ้านที่เหมาะสมต้องพิจารณาคุณสมบัติต่าง ๆ อย่างรอบคอบที่สุด

ในบทความนี้ ได้รวบรวมแนวทางการเลือกกุญแจล็อคบ้านอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ทุกคนทำการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีเลือกกุญแจล็อคบ้านอย่างไรให้มั่นใจว่าบ้านจะปลอดภัยจากการโจรกรรม?

ถึงแม้ในสายตาของบางคนก็อาจจะมองว่ากุญแจล็อคบ้านเป็นเพียงอุปกรณ์ง่าย ๆ และไม่มีความซับซ้อนมากนัก แต่ความเป็นจริงแล้ว, กุญแจล็อคบ้านมีรูปแบบและนวัตกรรมที่หลากหลายเพื่อความปลอดภัย เพื่อให้การล็อคบ้านของคุณมีความปลอดภัยสูงสุด, ลองสังเกตวิธีการเลือกกุญแจต่อไปนี้

1. เลือกกุญแจล็อคบ้านที่เป็นระบบสปริง

กุญแจล็อคบ้านระบบสปริงเป็นกุญแจระบบแรกที่ได้รับความนิยมในการใช้งาน. ลักษณะการทำงานของกุญแจระบบนี้คือการใช้สปริงล็อค, ซึ่งจะปลดล็อคเด้งออกทันทีเมื่อใช้ดอกกุญแจหมุนแกน. จุดสังเกตที่สำคัญของกุญแจระบบนี้คือดอกกุญแจที่มีลักษณะแบน, มีข้อดีในการปลดล็อคได้รวดเร็ว, ใช้งานง่าย, และมีน้ำหนักเบา. ราคาก็ไม่แพงมาก

อย่างไรก็ตาม, ข้อเสียของกุญแจระบบนี้คือลักษณะที่ไม่ต้องเสียบคาดอกกุญแจขณะที่ปลดล็อค, ทำให้มีโอกาสในการลืมดอกกุญแจคาไว้ที่แม่กุญแจหรือล็อคโดยลืมกุญแจไว้ภายในห้อง. นอกจากนี้, ลักษณะแม่กุญแจที่เปราะบาง ไม่ทนต่อการทุบ, งัดแงะ, และสภาพอากาศที่เย็นจัด, ทำให้กุญแจระบบนี้มักถูกนำไปใช้ล็อคภายในบ้านมากกว่านำไปใช้ล็อคนอกบ้าน

2. เลือกกุญแจล็อคบ้านที่เป็นระบบลูกปืน

กุญแจล็อคบ้านระบบลูกปืนเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยใช้กลไกการหมุนลูกปืนเพื่อปลดล็อคคอกุญแจ, ในขณะเดียวกันส่วนของดอกกุญแจก็จะถูกล็อคไว้แทน. ทำให้เวลาปลดล็อคจะไม่สามารถดึงดอกกุญแจออกมาได้. กุญแจระบบนี้มีจุดสังเกตคือมีดอกกุญแจหนา, กลไกมีความซับซ้อน, และส่วนใหญ่จะมีแหวนรองปิดท้ายเพื่อเสริมรหัสการล็อคให้แน่นหนา. จุดนี้เป็นจุดแข็งสำคัญที่ช่วยป้องกันกุญแจผี, การโจรกรรม, หรือการงัดแงะรูปแบบต่าง ๆ ได้

นอกจากนี้, แม่กุญแจยังนิยมใช้เหล็กแข็งหรือทองเหลืองอย่างหนา, ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อการกัดกร่อนและความชื้นได้เป็นอย่างดี. เหมาะกับการนำไปล็อคภายนอกตัวบ้านและประตูรั้ว. อย่างไรก็ตาม, กุญแจระบบนี้มักจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง, และถ้ายิ่งถ้ามีการใช้ตัวคล้องที่เป็นวัสดุแข็งแรงพิเศษเพื่อป้องกันการตัด, ก็จะยิ่งทำให้ราคาสูงยิ่งขึ้นไปอีก

3. เลือกกุญแจล็อคบ้านที่ใช้ระบบล็อครหัส

กุญแจล็อคบ้านระบบล็อครหัส เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากมีกลไกการทำงานที่ซับซ้อน ข้อดีหลักคือไม่ต้องใช้ดอกกุญแจ, ทำให้ลดปัญหาการหลงลืมหรือทำดอกกุญแจหายได้. แม่กุญแจส่วนใหญ่ทำจากเหล็กและอะลูมิเนียมอัลลอยที่มีน้ำหนักเบา มีขนาดตั้งแต่เล็กที่ใช้สำหรับกระเป๋าเดินทาง ไปจนถึงขนาดกลางสำหรับล็อคบ้าน, ห้องหรือลิ้นชักต่าง ๆ

ระบบล็อครหัสนี้ มีข้อได้เปรียบมากมาย, โดยสามารถตั้งรหัสได้ตั้งแต่ 3 หลัก ถึง 9 หลัก, ตามขนาดแม่กุญแจและรูปแบบของแต่ละแบรนด์ แบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือแบบตั้งรหัส 4 หลัก, เนื่องจากการตั้งรหัสที่มากเกินไปเสี่ยงต่อการลืมรหัส

4. เลือกกุญแจล็อคบ้านที่ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือ

กุญแจล็อคบ้านระบบสแกนลายนิ้วมือ เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยรูปแบบใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาการลืมดอกกุญแจและรหัส. กุญแจทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยหรือสเตนเลส เนื่องจากมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง. แผงวงจรใช้พลังงานจากแบตเตอรี่, สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 6 – 12 เดือน และชาร์จเพิ่มผ่าน USB ได้

สำหรับรูปแบบใช้ในบ้านส่วนใหญ่สามารถบันทึกได้ไม่เกิน 10 ลายนิ้วมือ และใช้เวลาปลดล็อคภายใน 1 – 3 วินาที บางรุ่นยังสามารถปลดล็อคผ่านทางสมาร์ตโฟนได้ด้วย อย่างไรก็ตาม, การใช้งานภายในบ้านควรมีมาตรฐานกันฝุ่น (เลขตัวแรก) อย่างน้อย IP5x เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมหรือฝุ่นผงไม่เข้าสู่แผง​วงจร สำหรับการใช้งานนอกบ้านควรมีมาตรฐานกันน้ำ (เลขตัวที่สอง) อย่างน้อย IPx4 เพื่อป้องกันละอองน้ำได้จากทุกทิศทาง

5. เลือกวัสดุและขนาดของกุญแจล็อคบ้าน ตามความเหมาะสม เพราะวัสดุแต่ละอย่างจะมีความคงทนต่างกัน

นอกเหนือจากพิจารณาวิธีการเลือกเลือกกุญแจล็อคบ้านข้างต้นแล้ว การพิจารณาจากวัสดุที่ใช้ผลิตกุญแลและขนาดของแม่กุญแจก็มีส่วนสำคัญในการป้องกันการงัดแงะหรือทำลาย กุญแจล็อคบ้านแต่ละแบรนด์ผลิตภายใต้มาตรฐานและมีราคาที่ต่างกัน บางแบรนด์อาจใช้วัสดุที่เป็นเหล็กชุบโครเมียมเพื่อเพิ่มความแข็งให้กับตัวคล้องหรือชุบแข็งแบบอื่นเพื่อป้องกันการงัดหรือเลื่อยตัด

โดยทั่วไป, กุญแจล็อคบ้านที่มีราคาสูงมักทำจากทองเหลือง เนื่องจากมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน, มีความแข็งแรง, ทนต่อแรงกระแทก, และไม่เป็นสนิม. แต่หากต้องการราคาที่เบาลงและความแข็งแรงรองลงมา, กุญแจที่ทำจากเหล็กกล้าหรือสเตนเลสก็เป็นทางเลือกที่ดี. บางรุ่นที่ผลิตจากเหล็กธรรมดาหรือสเตนเลสเกรด 304 ก็อาจมีโอกาสที่จะเกิดสนิม หากสัมผัสไอระเหยของกรดด่าง หรือเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ