กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) เป็นภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนกลับมาในหลอดอาหาร จนทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร โดยผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ และเรอเปรี้ยว สาเหตุสำคัญหนึ่งมาจากพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง และการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในสภาพสังคมปัจจุบัน เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยทุกคน หากปล่อยให้เกิดอาการเรื้อรังและรักษาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การเกิดหลอดอาหารอักเสบ แผลที่หลอดอาหาร หรือหลอดอาหารตีบ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารได้ แม้โอกาสเกิดจะไม่มากนักก็ตาม
อาการที่พบได้บ่อยสำหรับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน
- รู้สึกคล้ายว่ามีก้อนอยู่ในคอ หรือแน่นคอ
- มีเสมหะอยู่ในลำคอ หรือระคายคอตลอดเวลา
- เจ็บคอ แสบคอ แสบปาก แสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า
- รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี รสเปรี้ยวของกรดในคอ หรือปาก
- เรอบ่อย คลื่นไส้ คล้ายมีอาหาร หรือน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาในอก หรือ คอ
- อาการปวดแสบร้อนที่หน้าอกและลิ้นปี่
- รู้สึกจุกแน่นในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย มีน้ำลายไหลมากผิดปกติ มีกลิ่นปาก เสียวฟัน หรือมีฟันผุได้
- เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม
- ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารหรือขณะนอน
- ไอ สำลักน้ำลาย หรือ หายใจไม่ออกในเวลากลางคืน
- กระแอมไอบ่อย
สาเหตุของการเกิดโรคกรดไหลย้อน
- ลำไส้อาหารของหลอดอาหารที่ยังไม่กลืนอาหาร
- ความดันจากหูรูดของหลอดอาหารที่ต่ำกว่าปกติหรือการเลื่อนของกระเพาะอาหารเข้าไปในหลอดอาหาร
- ความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหารทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ
- เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
- พฤติกรรมในการดำเนินชีวิต เช่น การรับประทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันทีหรือการรับประทานอาหารที่มันๆ มากเกินไป
- ภาวะความเครียดโดยผู้ที่มีความเครียดมักมีภาวะหลอดอาหารที่ไวเกินต่อสิ่งกระตุ้น หลอดอาหารอ่อนไหวต่อกรด ทำให้มีอาการกรดไหลย้อนเมื่อกรดไหลย้อนขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อย
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน, การตั้งครรภ์, การสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์, การรับประทานยาบางชนิด เป็นต้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาและป้องกันโรคกรดไหลย้อน
การปรับพฤติกรรมในการรักษาโรคกรดไหลย้อนมีความสำคัญ เนื่องจากมันเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุและช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น, วิธีการปรับพฤติกรรมเพื่อรักษาโรคกรดไหลย้อนได้แก่:
- รับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- หลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดและอาหารที่มีไขมันสูง
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชา, กาแฟ, น้ำอัดลม, และน้ำผลไม้ที่มีความเป็นกรด
- รับประทานอาหารมื้อเย็น ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปมากเกินไป
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนี้สามารถช่วยลดการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะท้องไปที่หลอดอาหาร และลดความรุนแรงของอาการกระทบต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม, หากมีอาการรุนแรงหรือติดต่อมากนาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม.