มะม่วงหาว และ มะนาวโห่: สมุนไพรเด่น ในการรักษาโรคและบำรุงร่างกาย
การค้นพบสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมนุษย์ไม่เคยหยุดตื่นตาตื่นใจ ในหมู่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยที่ตั้งใจทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังแห่งธรรมชาติ เป็นเหตุผลหนึ่งที่นำพาการค้นพบและการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรเข้าสู่ชีวิตประจำวันของเราได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งในเบื้องต้นการใช้สมุนไพรนั้นมักจะมีบทบาทในการรักษาโรคและบำรุงร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในสมุนไพรที่ได้รับความนิยมและยังคงเป็นที่สนใจในปัจจุบันคือ “มะม่วงหาว” และ “มะนาวโห่” ซึ่งมีสรรพคุณทางการแพทย์และเป็นที่น่าสนใจในวงการสุขภาพอย่างมาก ทั้งสองสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ที่นับว่าสามารถรักษาโรคและช่วยในการบำรุงร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ผู้รักสุขภาพไม่ควรมองข้ามสิ่งนี้ เพราะมีประโยชน์อย่างมากต่อการดูแลสุขภาพของตัวเอง
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับมะม่วงหาว (Anacardium occidentale Linn.)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Anacardium occidentale Linn.
ชื่อวงศ์: ANACARDIACEAE
ชื่อเรียกอื่นๆ: ยาโงย, ยาร่วง, มะม่วงไม่รู้หาว, มะม่วงกุลา, มะม่วงกะสอ, มะม่วงลังกา, มะม่วงสิงหน, มะม่วงเล็ดล่อ, และมะม่วงหยอด
ลักษณะ: มะม่วงหาวเป็นไม้ต้นขนาดกลางซึ่งสามารถโตสูงได้ถึง 10 เมตร มีใบเดี่ยวที่มีลักษณะสลับกันเป็นรูปไข่กลับ โคนใบสอบ ปลายใบมนป้าน ใบมีความกว้างประมาณ 7.5-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7.5-20 เซนติเมตร ดอกมะม่วงหาวมักจะออกเป็นช่อหลวมๆ มีสีแดงอมม่วงหรือสีครีมและมีกลิ่นหอมเอียน ผลมะม่วงหาวมีลักษณะเด่นคือ มีขนาดใหญ่และเมื่อแก่มักจะเปลี่ยนสีเป็นเหลืองอมชมพู และบางครั้งอาจมีสีแดงและกลิ่นหอมเมล็ดมีขนาดใหญ่ 1 เมล็ด ติดอยู่ที่ส่วนปลายรูปไต ยาวประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร สีน้ำตาลอมเทา มีเปลือกแข็งหุ้ม
การกระจายพันธุ์: มะม่วงหาวเป็นไม้ที่ปลูกกันมากในภาคใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย แต่ปัจจุบันได้มีการปลูกขึ้นในทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งรวมถึงภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ที่มีการปลูกมะม่วงหาวได้ดี
สรรพคุณของมะม่วงหาว:
- ผล:
- มีความสามารถในการฆ่าเชื้อ
- ช่วยกระตุ้นการขับปัสสาวะ
- มีสมบัติในการพอกดับพิษ
- ใช้ในการแก้โรคลักปิดและลักเปิด
- เมล็ด:
- ช่วยในการแก้กลากเกลื้อน
- ใช้ในการแก้เนื้อหนังชาในโรคเรื้อน
- มีสมบัติในการแก้โรคผิวหนัง
- ช่วยแก้ตาปลา
- ช่วยแก้เนื้องอก
- บำรุงไขข้อและกระดูก
- บำรุงเส้นเอ็น
- ช่วยในการบำรุงกำลัง
- บำรุงผิวหนัง
- เปลือก:
- ช่วยในการแก้บิด
- มีคุณสมบัติในการขับน้ำเหลืองเสีย
- ช่วยแก้ท้องเสีย
- ใช้ในการแก้กามโรค
- ใช้ทำยาอมรักษาแผลในปาก
- ช่วยในการแก้ปวดฟัน
- มีสมบัติในการพอกดับพิษ
- ยอดอ่อน:
- ใช้ในการรักษาริดสีดวงทวาร
- ยาง:
- มีคุณสมบัติในการทำลายตาปลา
- ช่วยในการกัดทำลายเนื้อที่ด้านเป็นปุ่มโต
- ใช้ในการแก้เลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยในการรักษาหูด
- ช่วยในการรักษาขี้กลาก
- ช่วยในการรักษาแผลเนื้องอก
- ใช้ในการรักษาโรคเท้าช้าง
- น้ำมัน:
- มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ
- ใช้ในการทาถูนวดให้ร้อนแดง
- เป็นยาชา
- ใช้ในการรักษาโรคเรื้อน
- ช่วยในการกัดหูด
- ช่วยในการแก้ตาปลา
- ช่วยในการรักษาบาดแผลเน่าเปื่อย
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับมะนาวโห่ (Carissa carandas L.)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Carissa carandas L.
ชื่อวงศ์: APOCYNACEAE
ชื่อเรียกอื่นๆ: หนามขี้แฮด, มะนาวไม่รู้โห่, และมะนาวโห่
ลักษณะ: มะนาวโห่เป็นไม้พุ่มรอเลื้อยหรือไม้ต้นขนาดเล็กที่สูงได้ถึง 5 เมตร มียางขาว ใบเดี่ยวที่เป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ กว้างประมาณ 1.5-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-7 เซนติเมตร ปลายใบมีลักษณะเว้าบุ๋มหรือมน ดอกมะนาวโห่จะออกเป็นช่อยาวประมาณ 3.5-5.5 เซนติเมตร โคนเชื่อมเป็นหลอดยาวประมาณ 16-21.5 มิลลิเมตร และปลายแยกเป็นแฉก ผลมะนาวโห่มีรูปร่างเป็นไข่กว้างประมาณ 12-17 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 15-23 มิลลิเมตร มีสีสันหลากหลายแต่ส่วนมากเป็นสีแดง, ชมพู, หรือดำ
การกระจายพันธุ์: เป็นพืชปลูกที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย พบประสพการณ์การปลูกในประเทศอินเดีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ศรีลังกา, พม่า, จีน, และไทย
สรรพคุณทางยาของมะนาวโห่:
- ราก:
- ช่วยแก้คัน
- เสริมสร้างระบบเดินอาหาร
- บำรุงธาตุในร่างกาย
- ช่วยขับพยาธิ
- บำรุงกระเพาะอาหาร
- ดับพิษร้อน
- ช่วยลดไข้
- แก่น:
- บำรุงไขมันในร่างกาย
- เสริมสร้างธาตุอาหาร
- ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
- เนื้อไม้:
- บำรุงไขมันในร่างกาย
- เสริมสร้างธาตุอาหาร
- ช่วยลดความอ่อนเพลีย
- บำรุงกำลัง
- ใบ:
- แก้ท้องเสีย
- ช่วยในการบรรเทาอาการเจ็บคอ
- ช่วยแก้ปวดในปาก
- ช่วยแก้ปวดหู
- ช่วยลดอาการไข้
- ผล:
- มีสมบัติในการรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยในการฝาดสมาน
วิธีการปลูกมะนาวโห่:
- เตรียมกระถางสำหรับเพาะเมล็ด ใส่ดินผสมแกลบหรือกากมะพร้าวลงไป โดยเว้นช่องให้รากชอนไชได้ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม
- โรยเมล็ดลงไป จากนั้นโรยดินกลบเมล็ดเพียงบาง ๆ แล้วรดน้ำอีกเล็กน้อย
- ตั้งกระถางรับแดดบ้าง แต่อย่าเพิ่งให้โดนแดดจัด จากนั้นประมาณ 10 วัน ต้นอ่อนก็จะเริ่มโต
- เมื่อต้นกล้าแข็งแรงขึ้น ค่อยทำการแยกปลูกเป็นต้นเดี่ยวต่อไป
การปลูกมะนาวโห่เป็นเรื่องง่ายที่สามารถทำได้ในบ้าน โดยมะนาวโห่เติบโตได้ในดินทุกชนิดและไม่ต้องการการดูแลมากมาย สำหรับผู้ที่ต้องการสุขภาพดีและต้องการนำมะนาวโห่มาใช้เป็นอาหาร การปลูกมะนาวโห่เป็นทางเลือกที่ดีเพื่อให้ได้ผลผลิตใหม่ในบ้านของคุณ