สีทาไม้ภายนอกที่โดดเด่นในปี 2024 การเลือกสีทาที่สามารถป้องกันและคงสภาพไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สีทาไม้ภายนอกใน  10 ตัวเลือกที่มั่นใจว่าจะให้ความป้องกันและความสวยงาม

การเลือกสีทาไม้ภายนอกที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่และลักษณะงานไม่เพียงแต่ช่วยให้งานดูสวยงาม แต่ยังช่วยให้เนื้อไม้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ อีกด้วย ดังนั้น การเลือกสีทาไม้ภายนอกที่มีคุณภาพสำคัญมาก โดยสามารถพิจารณาตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. พิจารณาลักษณะงานและพื้นที่: การเลือกสีทาไม้ภายนอกควรพิจารณาถึงลักษณะงานที่จะทาและพื้นที่ที่ต้องการป้องกัน เช่น ถ้าเป็นลานหรือพื้นที่นอกอาคาร การเลือกสีทาที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศและแสงแดดจึงเป็นสำคัญ
  2. ชนิดของไม้: แต่ละชนิดของไม้อาจต้องการการดูแลและการทาที่แตกต่างกัน เช่น ไม้สนิมเส้นอาจต้องการสีทาที่มีความเข้มข้นเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา ในขณะที่ไม้ลิ้นจี่อาจต้องการสีทาที่ให้ลุคธรรมชาติและคงสภาพไม้ได้ดี
  3. คุณสมบัติของสีทา: ควรเลือกสีทาที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและการใช้งาน เช่น สีทาที่ทนทานต่อน้ำ แสงแดด และสภาพอากาศต่าง ๆ
  4. คำแนะนำจากช่างไม้มืออาชีพ: หากไม่แน่ใจว่าสีทาใดเหมาะสมกับงานและสภาพแวดล้อม เสนอให้ปรึกษากับช่างไม้มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำ

 

ด้านล่างนี้คืออันดับ 10 สีทาไม้ภายนอกที่ได้รับความนิยมในปี 2024 โดยมีทั้งสูตรด้าน สูตรเงาและสูตรกึ่งเงา รวมถึงสูตรกันน้ำ กัน UV และป้องกันเชื้อรา:

  1. Behr Premium Wood Coating – Semi-Transparent
  2. Sherwin-Williams WoodScapes Exterior Stain
  3. Valspar One-Coat Semi-Transparent Stain & Sealer
  4. Cabot Australian Timber Oil
  5. Olympic Maximum Stain + Sealant in One
  6. Thompson’s WaterSeal Signature Series – Semi-Transparent Stain & Sealer
  7. Benjamin Moore ARBORCOAT Premium Exterior Stain
  8. Minwax Helmsman Spar Urethane
  9. Sikkens ProLuxe Cetol SRD
  10. Rust-Oleum Varathane Ultimate Spar Urethane

 

10 ตัวเลือกสีทาไม้ภายนอกที่คุณสามารถพิจารณาในปี 2024

จำได้ว่าการเลือกสีทาไม้ภายนอกที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประสบความสำเร็จในการรักษาความสวยงามและความทนทานของงานไม้ของคุณในระยะยาว ด้วยการพิจารณาลักษณะงาน ชนิดของไม้ และคุณสมบัติของสีทา คุณสามารถเลือกสีทาที่เหมาะ

การใช้สีทาไม้ภายในแทนสีทาไม้ภายนอกไม่ควรแนะนำเนื่องจากมีคุณสมบัติทางกายภาพและการปกป้องที่แตกต่างกันอย่างมาก สำหรับสีทาไม้ภายใน มักมีลักษณะเป็นสีเคลือบแข็งที่เซ็ตตัวเป็นชั้นฟิล์มที่มีความแข็งและมีความหนืดน้อย เนื่องจากมีลักษณะเป็นสีใสและเนื้อสีที่ชัดเจน เพิ่มเติมด้วยการที่มีความยืดหยุ่นต่ำ ทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความชื้นไม่ให้ซึมผ่าน ในขณะที่สีทาไม้ภายนอก มักมีเนื้อสีที่ขุ่นข้นมากกว่าและมักมีสารสกัดที่สามารถหักเหแสง UV ได้ และให้ฟิล์มที่ยืดหยุ่นเมื่อแห้งตัว ทำให้เหมาะสำหรับการใช้กับพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดตลอดวันและมีความชื้นสูงโดยทั่วไปในประเทศไทย ดังนั้น การนำสีทาไม้ภายในมาทาภายนอกอาจจะทำให้สีหลุดร่องรอยและเสียหายได้ง่าย เพราะไม่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่หลากหลายของภายนอกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น สำหรับความคงทนและความทนทานที่ดีต่อสภาพแวดล้อมภายนอก ควรเลือกใช้สีทาไม้ภายนอกที่เหมาะสมสำหรับงานและสภาพแวดล้อมนั้นๆ อย่างแท้จริง

การเลือกสีทาไม้ภายนอกควรคำนึงถึงรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพและทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม นี่คือวิธีการเลือกสีทาไม้ภายนอกที่ควรคำนึงถึง:

  1. เลือกประเภทสีทาที่เหมาะสำหรับพื้นที่ใช้งาน: สีทาไม้ภายนอกมีหลายประเภท เช่น สีทาไม้แบบสีย้อม, สีทาไม้เคลือบเงา, และสีทาไม้ทึบแสง ควรเลือกประเภทที่เหมาะสำหรับบริเวณที่จะใช้งานมากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามวัตถุประสงค์ของงานนั้นๆ
  2. ความเข้มของสี: การเลือกสีทาไม้ภายนอกควรพิจารณาความเข้มของสีให้เหมาะสมกับโทนสีของไม้และบริเวณที่จะใช้งาน เพื่อให้ได้ลักษณะสีที่สวยงามและตรงกับความต้องการของงาน
  3. ความทนทาน: สีทาไม้ภายนอกควรมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ความทนทานต่อแสงแดด, ความทนทานต่อความชื้น, และความทนทานต่อการสัมผัส ควรเลือกสีทาที่มีคุณภาพและทนทานต่อสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสม เพื่อให้งานมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  4. สีทาไม้ที่เป็นที่นิยม: สำหรับงานทาไม้ภายนอกที่มีความนิยม สีทาไม้ที่เป็นที่นิยมมักจะเป็นสีที่มีความหรูหราและเป็นโทนสีที่เข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างดี เช่น โทนสีเขียวหญ้า, โทนสีน้ำตาล, หรือโทนสีส้ม
  5. การเลือกสีที่มีคุณภาพ: ควรเลือกสีทาไม้ภายนอกจากบริษัทที่มีคุณภาพดี และมีชื่อเสียง เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของสี
  6. การส่งเสริมประสิทธิภาพ: บางสีทาไม้ภายนอกอาจมีการส่งเสริมประสิทธิภาพเพิ่มเติม เช่น คุณสมบัติกัน UV, คุณสมบัติกันรังสี, หรือคุณสมบัติกันความชื้น การเลือกสีทาที่มีคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้อาจช่วยให้งานมีความทนทานมากขึ้นและยาวนานขึ้นในระยะยาว

การเลือกสีทาไม้ภายนอกนั้นค่อนข้างซับซ้อนและต้องใส่ใจรายละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีคุณภาพสูงสุดตามความต้องการของงานนั้นๆ ดังนั้น ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติและการใช้งานของสีทาไม้ภายนอกให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้สีทาไม้ภายนอกแบบเฉพาะสำหรับงานของคุณ

เพิ่มความงามและความทนทานด้วย 10 สีทาไม้ภายนอกที่น่าสนใจในปี 2024

การเลือกสีทาไม้ภายนอกควรพิจารณาถึงการใช้งานและคุณสมบัติของพื้นผิวอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพและทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม นี่คือการเลือกสีทาไม้ภายนอกที่ควรคำนึงถึง:

  1. บริเวณที่มีการสัมผัสบ่อย: เช่น พื้น, บันได, หรือเฟอร์นิเจอร์ ควรเลือกใช้ ‘สีเคลือบเงา’ หรือ ‘สีทึบแสง’ โดยทั้งสีเคลือบเงาและสีทึบแสงจะมีโครงสร้างสีเป็นชั้นฟิล์มหนาที่ทนต่อการขูดขีดและแรงกระแทกสูง จึงเหมาะกับไม้ที่ต้องรับแรงสัมผัส
  2. สีเคลือบเงา: เป็นสีที่ออกแบบมาเพื่อเคลือบไม้ให้เกิดความเงางาม ทำให้โทนสีและลวดลายดั้งเดิมของไม้มีความชัดเจนและสีสันสดใสมากขึ้น เมื่อแห้งตัวแล้วจะเกิดชั้นฟิล์มแข็งเคลือบบนพื้นผิว จึงช่วยป้องกันการเกิดรอยและทำให้พื้นผิวทนต่อการกัดกร่อนได้มากขึ้น
  3. สีทึบแสง: มีโครงสร้างสีเดียวกันกับสีเคลือบเงา แต่มีการเพิ่มรงควัตถุลงในเนื้อสารเคลือบ เมื่อทาแล้วจะช่วยปกปิดพื้นผิวได้ดี กลบลายไม้เดิมได้ แต่ยังคงสัมผัสได้ถึง Texture ของไม้ สำหรับสีทึบแสงจะมีให้เลือกใช้ทั้งสูตรน้ำและสูตรน้ำมัน โดยสูตรน้ำมันจะใช้เวลาในการแห้งตัวนานกว่าสูตรน้ำ
  4. การเลือกสี: ควรเลือกสีที่เข้ากับรสนิยมและรูปแบบการตกแต่งของที่ต้องการทา เช่น สีเคลือบเงาจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการโชว์ลวดลายของไม้ ในขณะที่สีทึบแสงจะเหมาะสำหรับการปิดพื้นผิวเนียน
  5. ความทนทาน: ควรเลือกสีที่มีคุณภาพและทนทานต่อสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสม เพื่อให้งานมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและสวยงามตลอดเวลา
  6. ความปลอดภัย: สำหรับบริเวณที่มีการสัมผัสบ่อย ควรเลือกใช้สีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและแวดล้อม โดยควรเลือกสีที่ไม่มีสารที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อม

การเลือกสีทาไม้ภายนอกควรพิจารณาคำแนะนำข้างต้นอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพและทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยในการใช้งาน

การเลือกประเภทสีทาไม้ให้เหมาะสมกับชนิดของไม้มีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพและคงทนต่อการใช้งานได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น ประเภทของสีทาไม้จะต้องเหมาะสมกับลักษณะและคุณสมบัติของไม้เพื่อให้สามารถปกป้องและปรับปรุงพื้นผิวได้อย่างเหมาะสม นี่คือวิธีการเลือกประเภทสีทาไม้ให้เหมาะสมกับชนิดของไม้:

  1. สำหรับไม้แท้: ซึ่งรวมถึงไม้สัก, ไม้โอ๊ค, ไม้เต็ง, ไม้มะค่า, หรือไม้ประดู่ เหมาะสำหรับใช้สีที่มีสูตรน้ำมันในกลุ่มพอลิเมอร์หรือโพลียูรีเทน ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการอุดเสริมไม้ได้ดี มีความยืดหยุ่นสูงและทนทานเป็นพิเศษ เพื่อปกป้องมูลค่าของไม้แท้จากรอยขีดข่วน, ความชื้น, และแสงแดด สำหรับสีทาไม้แบบน้ำมันจะเหมาะสมที่สุดในกรณีนี้
  2. สำหรับไม้สังเคราะห์: ซึ่งรวมถึงไม้พลาสติกคอมโพสิต, ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ เหมาะสำหรับใช้สีที่มีสูตรน้ำ ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการยึดเกาะพื้นผิวได้ดีเยี่ยมและสามารถแทรกซึมเข้าสู่พื้นผิวได้ดี โดยไม่สร้างชั้นฟิล์มน้ำมันที่อาจทำให้เกิดการลอกล่อน สำหรับสีทาไม้แบบน้ำจะเหมาะสมที่สุดในกรณีนี้
  3. การคำนึงถึงสารสำคัญ: การใช้สีทาไม้ที่ไม่เหมาะสมสำหรับชนิดของไม้อาจทำให้ไม้มีอายุการใช้งานที่สั้นลงและทำให้เกิดชั้นฟิล์มสีที่ผิดเพี้ยน ดังนั้น ควรเลือกใช้สีที่มีสูตรที่เหมาะสมกับไม้ที่จะทา เพื่อป้องกันการเสียหายและทำให้งานไม้มีความสวยงาม

การเลือกสีทาไม้ให้เหมาะสมกับชนิดของไม้จึงมีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้งานไม้มีคุณภาพและคงทนต่อการใช้งานได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น ผู้ใช้งานควรพิจารณาลักษณะของไม้และคุณสมบัติของสีทาไม้อย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับงานไม้ของตน

บริเวณที่ต้องโดนแดดหรือความร้อนตลอดควรใช้สีย้อมไม้สูตรน้ำมันหรือสีทึบแสง

วัสดุไม้หรือพื้นที่ภายนอกที่เป็นไม้บางจุดอาจต้องมีการสัมผัสกับความร้อนจากแสงแดดตลอกดทั้งวัน ดังนั้น สีทาไม้สำหรับวัสดุหรือบริเวณเหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันแสง UV ได้ดีเยี่ยม เพื่อยืดอายุของไม้ ลดสีซีดจาง ป้องกันสีกรอบและแตกล่อน

ถ้าต้องการสีทาไม้ภายนอกที่สามารถป้องกันแสงแดดและ UV ได้ ควรเลือกสีทึบแสง ซึ่งจะทนต่อแสงแดดได้ดีเยี่ยม เพราะมีเม็ดสีทึบที่ช่วยป้องกันรังสี UV ไม่ให้สัมผัสกับเนื้อไม้โดยตรงและมีความยืดหยุ่นสูง แต่ถ้าต้องการใช้สีประเภทโปร่งแสงแต่ป้องกันรังสี UV ได้ แนะนำให้ใช้สีย้อมไม้สูตรน้ำมันที่ชั้นฟิล์มมีความยืดหยุ่นสูงและเม็ดสีเข้มข้น ซึ่งสีทั้งสองประเภทนี้จะขยายและหดตัวตามการยืดหดของเนื้อไม้ได้ จึงจะไม่ทำให้เกิดการแตกล่อนหรือกร่อนตัวจากความร้อนได้

โดยทั่วไปแล้วหากเป็นสีทาไม้ที่ทนทานต่อแสงแดด บนฉลากของผลิตภัณฑ์มักจะระบุว่าทนต่อรังสี UV หรือสามารถปกป้องเนื้อไม้จากแสงแดดได้ ผู้ใช้งานจึงสามารถพิจารณาจากจุดนี้ได้ง่าย ๆ เช่นกัน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงสีสูตรน้ำ

หากใช้งานบริเวณที่ความชื้นสูง สีทาไม้กลุ่มพอลิเมอร์จะช่วยป้องกันราและตะไคร่น้ำได้ดีที่สุด

สีกลุ่มพอลิเมอร์เป็นสูตรที่ทำละลายด้วยน้ำมันจึงแห้งตัวเป็นชั้นฟิล์มแก้วที่ป้องกันอากาศและความชื้นได้สูง ซึ่งช่วยป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำได้ดี

หากใช้งานบริเวณที่ความชื้นสูง สีทาไม้กลุ่มพอลิเมอร์จะช่วยป้องกันราและตะไคร่น้ำได้ดีที่สุด

นอกจากการป้องกันรังสียูวีแล้ว สีทาไม้ภายนอกที่ดีควรมีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและการยึดเกาะ