เลือกไฟไลฟ์สดให้เหมาะกับความต้องการของคุณ

การเลือกไฟไลฟ์สดที่เหมาะสมกับสถานที่และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน

อันดับ 10 ไฟไลฟ์สดที่เหมาะสำหรับการไลฟ์สดปี 2024: ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การไลฟ์สดได้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างแบรนด์และเพิ่มการเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ การเลือกใช้ไฟไลฟ์สดที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น นี่คืออันดับ 10 ไฟไลฟ์สดที่แนะนำให้คุณพิจารณาในปี 2024 พร้อมคำแนะนำจากช่างภาพอาชีพเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

  1. Tolifo R-48B Ring Light
    • ไฟวงแหวนขนาดเล็กที่มีแสงนุ่มนวลและสีที่เป็นมิตรกับผิว
    • สามารถปรับระดับความสว่างและองค์ประกอบสีได้ตามต้องการ
    • ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับการไลฟ์สดทุกรูปแบบ
  2. Ulanzi VL49 Mini LED Light
    • ไฟ LED ขนาดเล็กพกพาสะดวก
    • มีความสามารถในการปรับระดับความสว่าง
    • ใช้งานได้หลากหลายในสถานการณ์ต่าง ๆ
  3. Razer Kiyo
    • ไฟวงแหวนและกล้องเว็บครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อการไลฟ์สด
    • ความละเอียดสูงและคุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม
    • สามารถปรับแสงได้ตามต้องการ
  4. Puluz Pocket LED Video Light
    • ไฟ LED ขนาดเล็กและพกพาได้สะดวก
    • มีความสามารถในการปรับระดับความสว่างและองค์ประกอบสี
    • เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความพกพาและหลากหลาย
  5. Neewer 18-inch Ring Light Kit
    • ไฟวงแหวนขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการให้แสงนุ่มและเท่าเทียม
    • มาพร้อมกับอุปกรณ์รับและแสตนด์
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องการแสงมาก
  6. Godox SL60W LED Video Light
    • ไฟ LED ที่มีความสามารถในการให้แสงและเงาที่นุ่มนวล
    • มีความเข้มของแสงที่สามารถปรับได้
    • มีความเสถียรและใช้งานง่าย
  7. FalconEyes RX-18TD Flexible LED Light Panel
    • แผง LED ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพับได้
    • ให้แสงที่นุ่มนวลและมีความสม่ำเสมอ
    • เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการแสงในพื้นที่แคบหรือแปลกปลอม
  8. Elgato Key Light
    • ไฟ LED ที่มีความสามารถในการปรับระดับความสว่างและองค์ประกอบสี
    • มีฟังก์ชันการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันที่สะดวก
    • ให้คุณภาพของแสงและภาพที่ยอดเยี่ยม
  9. Yongnuo YN300 Air LED Video Light
    • ไฟ LED ที่มีความพกพาสะดวกและให้แสงที่นุ่มนวล
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องการความเคลื่อนไหว

เพิ่มความเป็นมืออาชีพในการถ่ายทำด้วยไฟไลฟ์สด

วิธีการเลือกไฟไลฟ์สด

แม้ว่าหลายคนจะคุ้นเคยกับไฟไลฟ์สดแบบวงแหวน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไฟไลฟ์สดมีด้วยกันหลายประเภท ดังนั้น จึงควรเลือกไฟประเภทที่เหมาะกับตัวเองโดยดูจากสถานที่และวัตถุประสงค์ของการไลฟ์ อีกทั้งยังแนะนำให้เลือกไฟไลฟ์สดที่สามารถใช้งานได้สะดวก โดยพิจารณาจากองค์ประกอบที่เรานำมาฝาก ดังนี้:

1. เลือกไฟไลฟ์สด LED หรือไฟวงแหวน

  • ไฟไลฟ์สดแบบ LED: สำหรับสตูดิโอขนาดใหญ่และต้องการแสงปริมาณมาก ขอแนะนำให้ใช้ไฟไลฟ์แบบแผง LED มีลักษณะเป็นแผงยาวอัดแน่นด้วยไฟ LED หลายสิบหลอด ไฟประเภทนี้จะให้ค่าความสว่างสูงและแสงที่เป็นธรรมชาติได้ทั่วถึงทุกบริเวณ
  • ไฟไลฟ์สดแบบวงแหวน: สำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดและเน้นการไลฟ์สดแบบครึ่งท่อนเฉพาะท่อนบน ขอแนะนำให้เลือกไฟไลฟ์สดแบบวงแหวน เพราะดวงไฟแบบนี้ช่วยให้หน้าดูสว่างทั่วถึงกันทั้งยังช่วยให้ดวงตาดูเป็นประกายมากยิ่งขึ้น สามารถยึดโทรศัพท์ได้ตั้งแต่ 1 – 3 เครื่อง และสามารถเพิ่มไฟที่มากับกล่องแบบ Softbox เพื่อเพิ่มแสงในจุดต่าง ๆ ของร่างกายได้ด้วยครับ ไฟไลฟ์สดแบบวงแหวนเป็นไฟไลฟ์สดที่กระจายแสงและความร้อนได้อย่างดี

2. เลือกไฟไลฟ์สด RGB ปรับสีได้หลากหลาย

สำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความหลากหลายหรือสีสันให้การไลฟ์สดมีความสนุกมากยิ่งขึ้น เราขอแนะนำให้เลือกไฟไลฟ์สดแบบ RGB เพราะไฟไลฟ์สดประเภทนี้นั้น นอกจากจะมีแสงไฟสี Warm White, Balanced White และ Cool White แล้ว คุณยังสามารถปรับหลอดไฟให้เป็นสีต่าง ๆ ได้อีกมากมาย เช่น สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีม่วง สีฟ้า ซึ่งจะช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้การไลฟ์สดของคุณได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับเหล่าเกมเมอร์หรือคนที่มักจะเป็นเพลง EDM ในขณะไลฟ์สดไปด้วยนั่นเองครับ

เพื่อให้งานวิดีโอของเรานั้นมีสีสันและดูสนุกมากยิ่งขึ้น กลุ่มไฟ RGB เข้ามาเป็นส่วนเสริมได้ค่อนข้างจะลงตัวมาก ๆ เพราะพอเปลี่ยนสีไฟได้ก็จะช่วยให้เราสามารถที่จะสร้าง Mood & Tone ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย ผมค่อนข้างจะแนะนำให้เราใช้ไฟกลุ่มนี้ เป็นไฟดวงที่ 2 ใน Set เสียมากกว่าเพราะว่า Keylight ใน Set ควรจะเป็นสีขาวแบบ Warm Light เพื่อให้สีสันของสิ่งที่อยู่ใน Frame นั้นตรงกับความเป็นจริง แล้วจึงใส่ลูกเล่นด้วยแสงไฟในแบบอื่น ๆ เข้ามาแทนครับ

การเลือกไฟไลฟ์สดที่มีความสะดวกสบายและพกพาได้ง่าย

3. เลือกไฟไลฟ์สำหรับพกพาออกนอกสถานที่

สำหรับการไลฟ์นอกสถานที่นั้น เราควรเลือกไฟไลฟ์สดที่พกพาสะดวก มีขนาดเล็กแต่ต้องให้ความสว่างได้เพียงพอ มีค่าความสว่างเหมาะสมและให้แสงที่มีความเป็นธรรมชาติตามความเที่ยงตรงของแสงใน CRI ระดับ 85 – 95 ซึ่งเป็นแสงที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติเพื่อให้ภาพไม่ดูหลอกสายตา และเนื่องจากการถ่ายทำนอกสถานที่ในบางครั้งอาจไม่มีแหล่งพลังงานให้ใช้ได้สะดวก ดังนั้น เพื่อไม่ให้การถ่ายทำต้องสะดุด เราขอแนะนำให้เลือกไฟไลฟ์สดที่มีแบตเตอรีความจุสูง สามารถใช้งานได้นานหลายชั่วโมงติดต่อกัน นอกจากนี้ ไฟไลฟ์สดสำหรับพกพายังควรมีช่องเสียบ Hot Shoe สำหรับเสียบอุปกรณ์อื่นเพิ่มเพื่อให้สามารถถืออุปกรณ์ทั้งหมดได้ในมือเดียวครับ

สำหรับการเลือกไฟไปใช้ถ่ายงานในนอกสถานที่หรือแบบที่เคลื่อนย้ายไปได้เรื่อย ๆ ค่า CRI ของตัวไฟนั้นค่อนข้างจะเป็นจุดที่สำคัญมาก ๆ โดยถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้เลือกใช้ไฟที่มีค่า CRI สูงมากกว่า 90 ขึ้นไป เพราะจะช่วยให้แสงที่ได้นั้นมีความสมจริงและใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติภายนอกด้วยในกรณีที่เราต้องใช้แสงธรรมชาติร่วมด้วยใน Set จะได้ไม่ดูลอยครับ

นอกจากนี้ Battery Life ของตัวไฟก็เป็นอีกสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะว่าเวลาเราใช้ไฟนอกสถานที่นั้น กำลังแสงที่เราใช้มักจะเป็นกำลังแสงสูงสุดเพื่อให้สามารถสู้กับแสงภายนอกได้นั่นเอง ถ้าเป็นไปได้ก็พก Battery เสริมสำหรับต่อพ่วงไปด้วยนะครับ

4. เลือกไฟไลฟ์สดที่ควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลได้

ไฟไลฟ์สดที่สามารถควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลได้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการไลฟ์สดที่มีผู้ช่วยหรือทีมงานไม่เพียงพอและเหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ไลฟ์สดด้วยตัวเองคนเดียว เพราะสามารถควบคุมแสงต่าง ๆ จากตำแหน่งที่ยืนไลฟ์ได้เลยทันทีโดยไม่ต้องเดินเข้าออกไปหากล้องและไฟบ่อย ๆ ไฟไลฟ์สดบางรุ่นอาจไม่มีรีโมตคอนโทรลมาให้แต่ก็สามารถปรับไฟจากแผงควบคุมซึ่งต่อเข้ากับสายไฟและตัวเครื่องโดยตรงได้สะดวกเช่นกัน และในบางรุ่นยังมีรีโมตคอนโทรลสามารถปรับแสงได้ มาพร้อมบลูทูธต่อกับโทรศัพท์ให้กดอัดวิดีโอ ทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลการทำงานและค่าความสว่างให้ดูด้วยครับ

ไฟ Studio ในช่วงราคาประมาณ 1,500 บาทขึ้นไปหรือเกรดค่อนข้างดีหน่อยที่มีแบรนด์หรือตัวแทนจำหน่ายชัดเจน จะเริ่มใส่ Remote Control มาให้สำหรับปรับแต่งแสง ทั้งเรื่องของความสว่าง อุณหภูมิแสง หรือถ้าเป็นไฟ RGB ก็จะสามารถปรับสีผ่านทาง Remote Control ได้เลยโดยตรงนั่นเอง ในบางครั้งที่เราอยู่หน้ากล้องขณะ Live สด เวลาจะปรับแสงไฟขึ้นหรือ ปรับสีไฟโดยการลุกออกนอก Frame ไป ก็อาจดูไม่ Professional ได้ การมี Remote ที่เราสามารถนำมาใช้ปรับได้ง่าย ๆ จึงถือว่าสะดวกมาก ๆ ครับ