แก้ปัญหาที่นอนแข็งหรือนิ่มเกินไป ด้วยที่นอนท็อปเปอร์ จาก 3 วัสดุหลัก ๆ

วันนี้เรามีวิธีการเลือกที่นอนท็อปเปอร์มาให้ทราบ เนื่องจากที่นอนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการนอนหลับพักผ่อนของเราอย่างมาก แต่ปัญหาที่พบบ่อยคือ เมื่อใช้ที่นอนไปนาน ๆ มักเกิดการยุบลงหรือความแข็งเกินไปทำให้เกิดอาการปวดหลังและนอนไม่สบาย ดังนั้น การเลือกซื้อที่นอนท็อปเปอร์มาวางบนที่นอนเป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหานี้ การที่เราเลือกท็อปเปอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การนอนหลับของเราดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ที่นอนท็อปเปอร์คืออะไร และมีข้อดีอย่างไร?

ท็อปเปอร์คือแผ่นรองนอนหรือฟูกนอนที่ใช้ปูทับที่นอน เป็นอีกชั้นหนึ่งที่มีหลายวัสดุเช่น โฟม ยางพารา ขนสัตว์แท้ และขนสัตว์เทียม มีความแตกต่างกันในการให้ความรู้สึกและสัมผัสในการนอน

การใช้ท็อปเปอร์มีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยลดอาการปวดเมื่อย และเพิ่มเนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่าและรองรับสรีระร่างกาย ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของที่นอนโดยทำให้ที่นอนหนาขึ้นและป้องกันการยุบเป็นแอ่งได้

ที่นอนท็อปเปอร์ยังช่วยป้องกันสิ่งสกปรงฝังลึกบนที่นอนและทำให้การซักได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอยู่ชั้นบนสุด แต่ที่นอนท็อปเปอร์ไม่สามารถใช้แทนที่นอนได้เพราะอาจไม่รองรับสรีระได้ดีเท่าที่ควรและอาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้

วิธีการเลือกที่นอนท็อปเปอร์ที่เหมาะสมสำหรับเรา

วัสดุและขนาดของที่นอนท็อปเปอร์ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดมีความแตกต่างกัน ดังนั้น มาดูกันต่อเลยว่า ที่นอนท็อปเปอร์แบบไหนจะเป็นแบบที่ใช่สำหรับเรา

1. เลือกที่นอนท็อปเปอร์จากวัสดุที่ใช้ในการผลิต

ส่วนใหญ่แล้วที่นอนท็อปเปอร์มักจะทำมาจาก 3 วัสดุหลัก คือ ขนห่านเทียม ยางพาราและเมมโมรี่โฟม โดยวัสดุแต่ละชนิดจะให้สัมผัสที่ไม่เหมือนกันและจะเหมาะกับสไตล์การนอนที่แตกต่างกันอีกด้วย

  • ท็อปเปอร์ที่ทำจากขนห่านเทียม

หากต้องการที่นอนท็อปเปอร์ที่มีความสามารถในการระบายความร้อนอย่างดีและไม่สะสมความร้อน รวมถึงผู้ที่มีปัญหาที่นอนแข็งเกินไปและชอบนอนเตียงแบบนุ่ม ๆ การเลือกวัสดุที่ทำจากขนสัตว์จะเหมาะสมกว่าวัสดุที่ทำจากยางหรือโฟม เพราะขนห่านเทียมจะให้สัมผัสที่นุ่มสบายพิเศษ ระบายอากาศได้อย่างดี และมีน้ำหนักเบากว่าวัสดุชนิดอื่น อีกทั้งยังมีความสะดวกสบายต่อการขนย้ายด้วย

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของวัสดุนี้คือมีความหนาแน่นน้อย และอาจมีอายุการใช้งานไม่นานมากเท่าวัสดุชนิดอื่น เนื่องจากมีความเสียหายจากการถูกกดทับขณะนอนเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นควรเลือกแบบที่มีความหนามากกว่าเพื่อป้องกันการยุบเกินไปและรักษาความสบายของที่นอน

  • ท็อปเปอร์ที่ทำจากยางพารา

ยางพาราเป็นวัสดุที่มีความหนาแน่นมากและไม่ยุบตัวง่าย มีความสามารถในการกระจายน้ำหนักของร่างกายในขณะนอนอย่างดี จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ที่นอนท็อปเปอร์ที่ทำจากยางพาราเหมาะสำหรับผู้ที่มักจะนอนเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ และสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง ยางพาราช่วยรองรับและรักษาแนวกระดูกสันหลังให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง ทำให้รู้สึกสบายเวลานอน ตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ในท่านอนตะแคง ที่นอนจะไม่แข็งจนเกินไปจนรู้สึกเจ็บในปุ่มกระดูกที่ลงน้ำหนักหรือถูกกดทับ ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุในการปวดหลังในอนาคต

นอกจากนี้ ยางพารายังมีคุณสมบัติการระบายอากาศได้ดี ไม่สะสมความร้อน และสามารถป้องกันไรฝุ่น เชื้อโรค หรือแบคทีเรียได้อีกด้วย เนื่องจากเชื้อโรคเหล่านี้ไม่สามารถเจริญเติบโตในเนื้อยางได้ และยังสามารถใช้งานได้ยาวนานตั้งแต่ 5 – 10 ปี อย่างไรก็ตาม วัสดุประเภทนี้มักจะมีน้ำหนักมาก รวมถึงอาจมีกลิ่นยางรบกวนในช่วงแรก ๆ ด้วย

  • ท็อปเปอร์ที่ทำจากเมมโมรี่โฟม (Memory foam)

เมมโมรี่โฟม (Memory foam) เป็นท็อปเปอร์ที่เน้นสุขภาพเช่นเดียวกับยางพารา โดดเด่นในความนุ่มและเบา โดยสามารถคืนตัวได้อย่างช้า ๆ เมื่อถูกกดทับในเวลา 5 – 10 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถรองรับสรีระและกระจายน้ำหนักได้อย่างดี ดังนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปวดหลังและข้อต่อ มีระดับความแน่นและความนิ่มที่หลากหลายให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้ใช้งาน สำหรับผู้ที่รู้สึกว่ายางพาราแข็งเกินไป ท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟมจะเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากมีความนุ่มมากกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ควรนอนพลิกตัวบ่อย ๆ เนื่องจากมีความสามารถในการคืนรูปได้ช้ากว่ายางพารา หากนอนพลิกตัวบ่อย ๆ อาจทำให้เรารู้สึกเหมือนที่นอนเป็นหลุม ซึ่งอาจส่งผลให้นอนไม่สบายได้ ดังนั้น การทดลองนอนก่อนซื้อแนะนำให้ลองนอนหงายเพื่อตรวจสอบว่าที่นอนไม่นิ่มยวบจนรู้สึกจมไปกับที่นอน หากที่นอนมีความโค้งของกระดูกสันหลังไม่ถูกรองรับอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้

Mattress Topper Being Laid On Top Of The Bed

2. เลือกที่นอนท็อปเปอร์ที่มีความหนาพอเหมาะกับสรีระร่างกาย

ที่นอนท็อปเปอร์ที่มีคุณภาพควรมีความหนา ความนิ่มหรือแข็งที่เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับสรีระร่างกายขณะการนอนหลับ การเลือกที่นอนท็อปเปอร์ที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อของผู้ใช้งานได้ ท็อปเปอร์ทั่วไปจะมีความหนาอยู่ที่ 2 – 4 นิ้ว แต่สามารถเลือกตามความเหมาะสมดังนี้:

  • ความหนา 2 นิ้ว : เป็นท็อปเปอร์ขนาดบางที่สะดวกในการเคลื่อนย้าย แต่สามารถรองรับสรีระได้เล็กน้อย ไม่ค่อยเหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือชอบพลิกตะแคงเปลี่ยนท่าบ่อย
  • ความหนา 3 นิ้ว : เป็นความหนามาตรฐานที่เหมาะสำหรับทุกคน มีความนุ่มปานกลางและรองรับสรีระได้พอสมควร
  • ความหนา 4 นิ้ว : ค่อนข้างหนาและเหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือต้องการท็อปเปอร์ที่รองรับสรีระได้มากขึ้น

3.เลือกที่นอนท็อปเปอร์ที่มีคุณสมบัติกันเชื้อราและกันไรฝุ่น

การดูแลรักษาที่นอนท็อปเปอร์มีความสำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้ประสบประโยชน์มากที่สุดจากวัสดุที่ใช้ผลิต ผู้ใช้ควรทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกบนพื้นผิว รวมถึงควรเปลี่ยนที่นอนเมื่อรู้สึกว่าคุณภาพการนอนลดลง เนื่องจากคราบเหงื่อและฝุ่นละอองอาจเกิดขึ้น และเชื้อราหรือไรฝุ่นที่ไม่เห็นด้วยอาจมีอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น การเกิดอาการคัดจมูกหรือผื่นแพ้ที่ผิวหนัง บางทีอาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันแบคทีเรีย ไรฝุ่น และเชื้อรา เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ เป็นต้น

4. เลือกที่นอนท็อปเปอร์เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะท่านอนของเรา

เมื่อเรานอนหลับ การเลือก Topper เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความสบายขณะนอนอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเรามาเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมสำหรับแต่ละท่านอน:

  • นอนหงาย: ควรเลือก Topper ที่มีความนุ่มหรือแข็งเพียงพอ เพื่อป้องกันการเกิดอาการปวดเมื่อย นอนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถนำหมอนเล็กๆ มาวางใต้เข่าเพื่อเพิ่มความสบายได้
  • นอนตะแคง: ควรเลือก Topper ที่ไม่เกินไปในความแข็งหรือความนุ่ม เพื่อป้องกันการกดทับปุ่มกระดูก ควรใช้หมอนข้างคั่นระหว่างขาเพื่อช่วยระบายน้ำหนักและบรรเทาอาการปวดเมื่อย
  • นอนคว่ำ: ไม่แนะนำให้นอนคว่ำ เพราะมันอาจทำให้กระดูกสันหลังแอ่นมากกว่าปกติและทำให้หายใจไม่สะดวก หากต้องนอนคว่ำ ควรใช้หมอนรองบริเวณอกหรือท้องเพื่อปรับมุมของกระดูกสันหลังให้เหมาะสม”

การเลือก Topper ที่เหมาะสมจะช่วยให้การนอนของคุณมีคุณภาพและสบายตัวมากขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การนอนนั้นเป็นเรื่องบุคลิกภาพ ดังนั้นควรทดลองและเลือก Topper ที่ให้ความสบายที่เหมาะสมกับคุณเอง

5. สำหรับผู้ที่มีปัญหาปวดหลัง ควรเลือกที่นอนท็อปเปอร์ที่มีความยืดหยุ่นและความหนาแน่นพอดี

เมื่อมีปัญหาเรื่องปวดหลัง ความหนาแน่นและความยืดหยุ่นของท็อปเปอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างใกล้ชิด เพราะมันไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป คุณสามารถยึดหลักการเลือกที่อธิบายไว้ด้านบน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อเลือก Topper ได้

  • ถ้า Topper มีเนื้อสัมผัสแน่นเกินไป : อาจทำให้กล้ามเนื้อเกร็งขึ้น ทำให้การนอนไม่สบาย
  • ถ้า Topper มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มเกินไป : อาจทำให้เปลี่ยนท่านอนยากและสร้างความไม่สบายในการนอน

ดังนั้น คำแนะนำก็คือ ควรทดลองนอนก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่า Topper ที่เลือกเหมาะสมกับความสะดวกสบายของคุณอย่างแท้จริง