วิธีปฐมพยาบาล “เลือดกำเดาไหล” ที่ถูกต้องควรทำอย่างไร”
เลือดกำเดา คืออะไร เกิดจากอะไร
เมื่อเรายังเป็นเด็ก บางครั้งเราอาจพบกับเหตุการณ์ “เลือดกำเดาไหล” บ้างหรือไม่? สำหรับตัวเราเอง, เราอาจเคยเห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนอื่น แต่บางครั้งเราอาจไม่ให้ความสนใจมากนัก. ในบทความนี้, Sanook! Health จะแบ่งปันวิธีปฐมพยาบาลในกรณีที่เจอเหตุการณ์เลือดกำเดาไหล, ที่คุณสามารถใช้ได้.
เลือดกำเดา คืออะไร เกิดจากอะไร
เลือดกำเดาคือเลือดที่ไหลออกมาจากโพรงจมูก ไม่ว่าจะเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง. สาเหตุของเลือดกำเดามาจากเส้นเลือดในโพรงจมูกที่แตก ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (ร้อน, หนาว, แห้ง), การสั่งน้ำมูกแรง, ภูมิแพ้, ความดันโลหิตสูง, หรือการแคะ แกะ เกาในโพรงจมูกอย่างรุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุในบริเวณที่ใกล้เคียงกับจมูก.
เลือดกำเดา มีกี่ชนิด
เลือดกำเดาแบ่งเป็น 2 ชนิด:
- เลือดที่ออกจากโพรงจมูกด้านหน้า: เป็นเลือดที่ไหลออกจากเส้นเลือดบริเวณจมูกในส่วนหน้า. ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง. ผู้ป่วยสามารถทำให้เลือดกำเดาหยุดไหลเองได้.
- เลือดที่ออกจากโพรงจมูกส่วนหลัง: เกิดจากเส้นเลือดบริเวณโพรงจมูกด้านหลังแตก หรือส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในโพรงจมูก. ทำให้มีเลือดไหลลงไปในลำคอ. มักเกิดกับผู้สูงวัย หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรง. ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
“วิธีปฐมพยาบาล “เลือดกำเดาไหล” ที่ถูกต้อง
1. นั่งนิ่งๆ และบีบจมูก:
- นั่งนิ่งบนเก้าอี้หรือพื้นและเอนตัวไปข้างหน้า
- ก้มหน้าเล็กน้อย ไม่ต้องเงยหน้า
- ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบจมูก
- หายใจทางปากราวเป็นเวลา 10 นาทีแล้วค่อยๆ ปล่อยนิ้ว
2. ห้ามนอนราบ:
- หากมีเลือดไหลลงคอ, ให้บ้วนเลือดออกมาแทนที่จะกลืนลงไป
- ไม่ควรกลืนลงไป เนื่องจากเลือดกำเดาอาจไหลเข้ากระเพาะอาหารและเกิดอาการอื่นๆ ได้ เช่น อาเจียน
3. ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็ง:
- นำผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งวางบริเวณสันจมูกขณะที่กำลังบีบจมูก
- ช่วยลดการตกต่ำของหลอดเลือดและช่วยให้เลือดหยุดไหลได้
4. พบแพทย์โดยด่วน:
- หากเลือดกำเดายังไม่หยุดไหล
- ไม่ควรละเลยและควรพบแพทย์โดยเร็ว
การระวัง:
- ควรหลีกเลี่ยงการกลืนเลือดลงไป เพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น
- หากมีอาการซ้ำๆ ให้รีบพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพในทางที่ถูกต้อง
- การที่เลือดกำเดาไหลอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพเบื้องต้น, ควรตรวจสอบปัญหาอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อเหตุการณ์นี้
หากเลือดกำเดายังไม่หยุดไหลหรือมีอาการที่ไม่ปกติเพิ่มเติม ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน.