เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “ไอน์สไตน์” ที่คนส่วนใหญ่ (อาจ) ยังไม่รู้

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ไอน์สไตน์" ที่คนส่วนใหญ่ (อาจ) ยังไม่รู้ | Thai PBS  News ข่าวไทยพีบีเอส

ไอน์สไตน์ ไม่ได้คิดค้นระเบิดปรมาณูด้วย E=mc2

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) มีผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก, โดยสมการ E=mc2 ในทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity Theory) เป็นหนึ่งในผลงานที่ทำให้เขาเป็นตำนาน. แม้เรื่องนี้จะเป็นที่รู้จักกันดี, แต่ควรทราบว่ามีด้วยกันอีกหลายด้านของไอน์สไตน์ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก.

1. ผลงานทางกลศาสตร์สังคม: ไอน์สไตน์มีส่วนร่วมในการพัฒนาทฤษฎีกลศาสตร์สังคม, ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตและมนุษย์. เขาได้ทำการวิจัยและเขียนเรียนคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสังคมและมนุษย์.

2. งานที่เกี่ยวข้องกับการเรียน: ไอน์สไตน์มีความสนใจในการศึกษาและการเรียน, เขาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวคิดและมุมมองในการสอนที่ไม่ได้เน้นการท่องจำเฉพาะ, แต่เน้นการกระตุ้นความคิดและความเข้าใจ.

3. ผลงานทางทฤษฎีการทำงาน: ไอน์สไตน์มีความสนใจในการพัฒนาทฤษฎีการทำงาน, ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิศวกรรมและการจัดการ. เขาได้ทำงานในด้านนี้ในช่วงท้ายของชีวิต.

4. การทำงานในด้านป้องกันสงคราม: ในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2, ไอน์สไตน์ได้มีส่วนร่วมในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันสงครามและความมั่นคงของประเทศ.

5. ความเชื่อทางศาสนา: ไอน์สไตน์มีความเชื่อทางศาสนาที่ไม่เชื่อในศาสนาองค์หนึ่ง, และมีเชื่อในความเป็นพลังของจักรวาล.

นอกจากผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่น, ไอน์สไตน์ยังมีมิตรภาพที่สัมพันธ์กับศิลปะ, วรรณกรรม, และการเคลื่อนไหวสังคม. ดังนั้น, ความรู้เกี่ยวกับไอน์สไตน์ควรรวมถึงด้านหลายๆ ด้านของบุคคลซึ่งมีผลต่อวงการทางวิทยาศาสตร์และสังคมทั้งหมด.”

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยอดอัจฉริยะเจ้าของทฤษฎีและสมการพลิกโลก

“การบอกว่าไอน์สไตน์คือ “บิลเดอร์ของระเบิดปรมาณู” คือความเข้าใจที่ผิดพลาด เนื่องจากสมการ E=mc2 ในทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของเขา เป็นเพียงแค่แนวคิดเท่านั้น และมิได้มีส่วนร่วมในการสร้างระเบิดปรมาณู. ความสัมพันธ์ระหว่าง E (พลังงาน), m (มวล), และ c (ความเร็วแสง) ที่ไอน์สไตน์ได้นำเสนอนั้น ถูกใช้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของพลังงานและมวล และมีความสำคัญในทฤษฎีสัมพัทธภาพ.

การเชื่อมโยงระหว่างสมการ E=mc2 และการสร้างระเบิดปรมาณูเกิดขึ้นในปี 1945 โดยนักฟิสิกส์ชาวอเมริกันชื่อ เจ.โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) ที่เป็นหัวหน้าโครงการแมนแฮตตัน (The Manhattan Project) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2. นับเป็นโครงการที่นำไปสู่การสร้างระเบิดปรมาณูเป็นครั้งแรก.

ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอน์สไตน์มีผลกระทบใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงทฤษฎีทางฟิสิกส์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ทั่วไป. สมการ E=mc2 ได้ช่วยเปิดประตูให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานและมวลที่ซับซ้อน, ซึ่งไม่ได้ถูกเข้าใจในทฤษฎีทางฟิสิกส์ก่อนหน้านี้.

ดังนั้น, ถึงแม้ไอน์สไตน์ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างระเบิดปรมาณู แต่สมการของเขากลับเป็นที่สำคัญในการเข้าใจและประยุกต์ใช้ในหลายด้านของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.”

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ไอน์สไตน์" ที่คนส่วนใหญ่ (อาจ) ยังไม่รู้ | Thai PBS  News ข่าวไทยพีบีเอส

ไอน์สไตน์ เริ่มสนใจวิทยาศาสตร์จากเข็มทิศ

“ไอน์สไตน์แสดงความสนใจต่อวิทยาศาสตร์เมื่ออายุ 5 ขวบขณะที่เขาต้องพักฟื้นจากการป่วยที่นอนบนเตียง. ที่นั่นเขาได้รับของขวัญจากพ่อเป็นเข็มทิศแม่เหล็ก. เข็มทิศนี้กลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เขาต้องการทราบเหตุผลที่ทำให้เข็มทิศหันไปทางทิศเหนือตลอดเวลา ไม่ว่าจะหันไปทางไหน.

ความประทับใจแรกนี้ทำให้ไอน์สไตน์มีความสนใจอย่างลึกลับในการค้นหาความรู้. ความต้องการหาคำตอบต่อคำถามทางวิทยาศาสตร์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในเขา, และเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีสัมพัทธภาพที่สุดในภายหลัง.

เริ่มต้นจากเชิงมุมนี้, ไอน์สไตน์ได้ทำงานในด้านวิทยาศาสตร์อย่างจริงจังและได้รับความยอมรับจากโลกวิทยาศาสตร์ด้วยผลงานที่สร้างสรรค์และสำคัญ.”

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ไอน์สไตน์" ที่คนส่วนใหญ่ (อาจ) ยังไม่รู้ | Thai PBS  News ข่าวไทยพีบีเอส

ไอน์สไตน์ เป็นมังสวิรัติแบบไม่ได้ตั้งใจ

“ไอน์สไตน์ถูกทรงตั้งเป็นมังสวิรัติอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหตุผลที่คนเลือกที่จะเป็นมังสวิรัติสามารถมีความหลากหลายได้ตามสถานการณ์และความต้องการส่วนบุคคล. ในกรณีของไอน์สไตน์, การเลือกที่จะเป็นมังสวิรัติไม่ได้มีรากฐานจากความทรงจำหรือความมั่นใจ, แต่กลับเน้นที่ปัญหาด้านสุขภาพ.

ไอน์สไตน์ประสบปัญหากับกระเพาะอาหารที่ทำให้เขาไม่สามารถย่อยสลายอาหารบางชนิดได้, ทำให้เขาต้องปรับเปลี่ยนแพทเทิร์นการรับประทานอาหารของตน. ความไม่สะดวกนี้ส่งผลให้เขาต้องละทิ้งอาหารที่ย่อยยาก อาทิเช่น เนื้อสัตว์. ผู้คนมีหลายคนมักเชื่อว่าไอน์สไตน์ตัดสินใจเป็นมังสวิรัติด้วยความตั้งใจของตนเอง, แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นจากความจำเป็นทางสุขภาพของเขา.”

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ไอน์สไตน์" ที่คนส่วนใหญ่ (อาจ) ยังไม่รู้ | Thai PBS  News ข่าวไทยพีบีเอส

ไอน์สไตน์ ไม่ได้มีปัญหาด้านการเรียน

“ไอน์สไตน์ ไม่ได้เผชิญกับปัญหาการเรียนในวัยเด็ก เขาเคยถูกพูดถึงในแง่ของการพูดช้าและการพูดซ้ำประโยคเดิมในวัยเด็ก ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่ได้มีตั้งแต่เด็ก แต่ก็เมื่อโตขึ้นเขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก. มีความเชื่อผิดที่บางครั้งว่าไอน์สไตน์มีปัญหาในการสื่อสารและการเรียนรู้ในวัยเด็ก, แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นอัจฉริยะทางวิทยาศาสตร์.

สิ่งที่ทำให้ไอน์สไตน์ดูเหมือนเด็กเรียนไม่เก่งได้สืบเนื่องมาจากระบบการนับเกรดในโรงเรียนบางแห่งในช่วงหนึ่ง. เขาอาจจะไม่ได้เกรดเยี่ยมในทุกวิชา, แต่ความชอบทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของเขาเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความสามารถ.”