การเผชิญหน้ากับควันและหมอกที่เปรียบเสมือนกันอาจทำให้เราสับสนมากและลำบากในการแยกแยะว่ามีควันหรือหมอกอยู่ในท้องถิ่นของเรา แม้บางครั้งเราอาจไม่สามารถรู้ถึงความต่างกันได้ นอกจากนี้ ควันหรือหมอกอาจไม่มีเจตนามาเพื่อบดบังทัศนวิสัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นพาหะที่นำความเสี่ยงต่อสุขภาพมาถึงเราด้วย
ในความเป็นจริง ปัญหาของค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในประเทศไทยกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในภาคเหนือที่ต้องเผชิญกับทั้งฝุ่นและควัน ส่วนสภาพอากาศที่เราพบในกรุงเทพและปริมณฑลนั้น มีหลายสาเหตุ เช่น การเผาป่า การเผาขยะ การเผาให้ที่โล่ง การเพิ่มพื้นที่ของโรงงานอุตสาหกรรม และการเพิ่มจำนวนรถยนต์ แม้แต่การทำอาหารด้วยเตาถ่านก็สามารถเพิ่มปริมาณฝุ่นละอองได้
ปัญหาที่เพิ่มขึ้นนี้รวมถึงสภาพอากาศที่ค่อนข้างนิ่งในปีนี้ ทำให้ฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานสามารถคงอยู่ในท้องถิ่นแคบๆ นานมากขึ้น ทำให้ความเสี่ยงต่อสุขภาพเพิ่มขึ้นเร็วและคงทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
ในกรณีที่พบเห็นฝุ่นละอองที่มีลักษณะคล้ายหมอกหรือควัน หรือได้รับการเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อปรับตัวให้เหมาะสม
- ลด/หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในบริเวณที่มีมลพิษค่าอากาศอยู่ระดับไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะที่ริมถนนใหญ่ ที่มีการก่อสร้างมาก
- ใส่หน้ากากประเภท N95 หรือ P100 ที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้
- ลดหรือหยุดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการการใช้พลังงานมาก
- ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเพื่อลดการเข้ามลพิษจากภายนอก
- หลีกเลี่ยงการจุดเทียน ตะเกียงในอาคาร เพื่อลดการเผาไหม้ในอาคาร
- ลดการใช้รถยนต์ และการเผาขยะ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำงานนานกว่า 12 ชั่วโมง ในที่โล่งแจ้ง
- ในกรณีที่มีอาการผิดปกติเช่น หายใจติดขัด แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ หรือหมดสติ ควรรีบไปรักษาที่สถานพยาบาลโดยเร็ว