อาโอกิกาฮาระ Aokigahara ป่าฆ่าตัวตายแห่งญี่ปุ่น

Aokigahara National Forest — Forest Review | Condé Nast Travelerอาโอกิกาฮาระ Aokigahara ป่าฆ่าตัวตายแห่งญี่ปุ่น

อาโอกิกาฮาระ (Aokigahara) หรือที่เรียกกันว่า ‘ป่าตาย’ เป็นป่าหนาวที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเขาไฟฟูจิในประเทศญี่ปุ่น สถานที่นี้ได้รับความรู้จักไม่เพียงแค่เพราะความงดงามและความสงบสุขของธรรมชาติที่ที่นี่มีมากมาย แต่ยังเป็นจุดหมายท่องเที่ยวและผจญภัยที่นิยม ถึงแม้ว่าสถานที่นี้จะเต็มไปด้วยความหนาวและมืดมน

แยกต่างหากในภาพลักษณ์แห่งความมืดและเศร้า, อาโอกิกาฮาระกลับเป็นที่ที่เกิดเหตุการณ์การทำตัวตายอย่างจริงจัง ที่นี่มีการพบเห็นศพและของที่เก็บไว้ ทำให้มีความเชื่อว่า, การเดินทางเข้าสู่ป่านี้คือการก้าวเข้าสู่ความมืดและความตาย

การทำตัวตายในอาโอกิกาฮาระได้รับความสนใจมากในสื่อมวลชนและวงการบันเทิง, ซึ่งอาจส่งผลให้มีความสนใจและความลำบากในการจัดการปัญหานี้ องค์กรและเจ้าหน้าที่มีการทำงานร่วมกันเพื่อลดจำนวนคนที่เลือกทำตัวตายในที่นี้ และให้การสนับสนุนในด้านสุขภาพจิต

การสนใจและความเข้าใจต่อปัญหานี้ควรถูกส่งเสริม, ความรับผิดชอบต่อสุขภาพจิตของผู้คนควรได้รับการเน้น, และการให้ความช่วยเหลือต่อบุคคลที่อาจจะต้องการความช่วยเหลือควรได้รับความสนใจอย่างเต็มที่

Aokigahara | Dispelling the Stigma of the "Suicide Forest"

ข้อมูลทั่วไปของ ป่าฆ่าตัวตายแห่งญี่ปุ่น อาโอกิกาฮาระ

ป่าอาโอกิกาฮาระหรือ “นทีแห่งไม้” เป็นหนึ่งในป่าหนาวที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเขาไฟฟูจิ พื้นที่ขนาดประมาณ 35 ตารางกิโลเมตรนี้ได้รับความรู้จักจากภาพลักษณ์ของความมืดมนและเศร้า นอกจากนี้, มีชื่อเรียกอีกหลายอย่าง เช่น “Sea of Trees” หรือ “Jukai.”

ภายในป่านี้, ถึงแม้ในตอนแรกจะดูเป็นป่าโปร่งและสบายตา แต่เมื่อเดินลึกเข้าไปในทางที่มุ่งหน้าภูเขาไฟฟูจิ, ความดำบรรพ์และรกทึบจะเพิ่มมากขึ้น นั่นเป็นเพราะพื้นที่ของป่านี้เป็นแผ่นหินภูเขาไฟที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวาที่ปะทุจากภูเขาไฟฟูจิเมื่อปี 1407.

ป่าฆ่าตัวตายมีชื่อเสียงเป็นที่สูงสุดในการฆ่าตัวตาย โดยเจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตปีละไม่ต่ำกว่า 30 ร่างตั้งแต่ปี 1950, แต่จากปี 2010 เป็นต้นมา, สถิตินี้ถูกเลิกตัวเนื่องจากความหวังที่จะลดการเชื่อมโยงป่ากับการฆ่าตัวตาย. การป้องกันรวมถึงการติดตั้งป้ายเตือนที่ทางเข้าป่า, แถบสัญลักษณ์บนต้นไม้เพื่อแสดงเส้นทางออก, และการส่งอาสาสมัครเพื่อตรวจตราและช่วยเหลือคนที่อาจอยู่ในอันตราย.

นอกจากนี้, มีหนังสือเรื่อง “Suicide Forest Village” ที่ดีดวิวเรื่องของป่าฆ่าตัวตายมาเป็นหนังสือสยองขวัญ.

สยอง! ป่าอาถรรพ์ อาโอกิกาฮาระ

ตำนานและความเชื่อในป่าอาโอกิกาฮาระ

ตั้งแต่โบราณ, มีความเชื่อที่กันมาว่าป่าอาโอกิกาฮาระเป็นที่อาศัยของภูตผี, โดยเชื่อว่ามีวิญญาณต้นไม้หรือ “โคดามะ” (木魂) ที่สิงสถิตย์อยู่. วิญญาณต้นไม้นี้เครื่องจะดูดเอาพลังงานชีวิตจากผู้เสียชีวิตเพื่อเป็นพลังแห่งป่า.

มีเรื่องราวมากมายว่าหากนำเข็มทิศมาใช้ในป่านี้, เข็มทิศจะไม่ทำงาน. แต่หากวางเข็มทิศลงบนหินในป่าตรงๆ, เข็มจะชี้ไปตามสนามแม่เหล็กของหินแทน. เนื่องจากทั่วทั้งแถบนี้เป็นหินภูเขาไฟทั้งหมด. นอกจากนี้, มีเรื่องราวอีกว่าสนามแม่เหล็กนี้สามารถรบกวนสัญญาณโทรศัพท์, และมีภาพแปลกๆที่ปรากฏในวิดีโอ. สัตว์เล็กๆเช่นนกและแมลงบางชนิดที่ใช้สนามแม่เหล็กโลกในการนำทางก็เลี่ยงป่านี้ เนื่องจากสนามแม่เหล็กนี้สร้างความรบกวนในระบบประสาทสัมผัสแม่เหล็กโลกของสัตว์เหล่านั้น. บางคนรายงานว่ามี “ภาพหลอน” และรู้สึกอึดอัดไม่สบาย หรือล้มป่วยเมื่อออกจากป่า.

ในอดีต, ก่อนที่จะมีการอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์, เคยร่ำลือว่าเกิดจากน้ำมือของวิญญาณหรือ “ยูเร” (幽霊) ที่สิงสถิตอยู่ที่นี่. เนื่องจากสมัยที่ข้าวยากหมากแพงหรือขาดแคลนอาหารมีการกระทำที่เรียกว่า “อุบาสึเตะ” (姥捨て) โดยที่ผู้สูงอายุถูกทิ้งไว้ในป่า. สมัยนั้นมีเหตุการณ์ที่แปลกตามากมายในป่านี้, เช่นการหลงทางกลับไม่ได้, การอดอาหารจนตาย, หรือบางคนเต็มใจที่จะถูกพาเข้ามาในป่าเอง เพราะไม่ต้องการจะเป็นภาระให้คนในครอบครัว.

ถ้ำลมฟุกาคุ: ภาพถ่าย, แผนที่ & รีวิว [2024] | Trip.com

สถานที่ท่องเที่ยวในป่าอาโอกิกาฮาระ

ความลึกลับแห่งความงดงามที่ถูกปกปิด ที่ตรอกเล็กๆ ของโลกนี้ ป่าอาโอกิกาฮาระกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความสวยงามที่ยากจะพบเจอที่อื่นได้ แม้ว่าความลี้ลับจะครอบคลุมทั้งที่นี่ แต่ทุกมุมของป่านี้ยังมีความอุดมสมบูรณ์และทรงพลัง ถ้ำที่ซับซ้อนกำลังรอคุณอยู่ทุกที่

ถ้ำลมฟุกาคุ เป็นทางไหลของลาวาที่ยาวที่สุดในป่าอาโอกิกาฮาระ ภายในถ้ำนี้ เจ้าของผนังที่สวยงามประดับด้วยหินบะซอลต์ และอากาศที่ไหลเวียนภายในถ้ำจะสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เป็นที่จดจำ ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ ถ้ำนี้มีเครื่องหมายของน้ำแข็งที่ปกคลุมทั้งปี พื้นถ้ำที่เปียกชื้นและมีลักษณะขรุขระ การชมความงดงามของน้ำแข็งรูปทรงต่าง ๆ ภายในถ้ำนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เชื่อมต่อถ้ำทั้งสองแห่ง กลายเป็นทางเชื่อมโยงที่น่าทึ่งที่นำนักเดินทางผ่านท้องทะเลแห่งต้นไม้ ที่ทุกองค์กระจัดระจานของธรรมชาติร่วมกันเป็นเส้นทางที่ไม่เหมือนใคร