หุ้นต่างประเทศ อีกหนึ่งตัวเลือกของนักลงทุนในสภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่มีเสถียรภาพ

ในบริบทที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนและสภาวะเศรษฐกิจยังไม่มีเสถียรภาพ ผู้ลงทุนหลายคนตัดสินใจที่จะกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, เหรียญ Crypto, น้ำมัน ฯลฯ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนโดยรวม นอกจากนี้การลงทุนในหุ้นต่างประเทศก็เป็นตัวเลือกที่ได้รับความสนใจมากจากนักลงทุนหลายคน

เหตุผลที่การลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้รับความสนใจมากขึ้น

หากย้อนกลับไปในปี 2563 ได้มีการเทขายหุ้นอย่างหนักในประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้ดัชนี SET ลดลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนหลายรายสูญเสียเงินจำนวนมากมาย บางคนถึงขั้นล้มละลายกันเลยทีเดียว เนื่องจากขาดการกระจายความเสี่ยง ในทำนองเดียวกัน ตลาดหุ้นอเมริกาก็ได้มีการซื้อขายมากมายจนทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปทำ New High นั่นเอง ผลตอบแทนที่ได้มีนักลงทุนหลายคนทำกำไรได้มากมาย นำมาซึ่งข้อดีของการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ไม่เพียงช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มีขนาดมากขึ้นได้อีกด้วย

หลักเกณฑ์ในการเลือกโบรกเกอร์ เพื่อเปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศ

มีโบรกเกอร์จำนวนมากที่เปิดให้บริการสำหรับการเปิดพอร์ตเพื่อลงทุนในหุ้นต่างประเทศ แต่ละโบรกเกอร์มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกโบรกเกอร์สำหรับการเปิดพอร์ตการลงทุนในหุ้นต่างประเทศควรพิจารณาจากปัจจัยดังนี้ :

    1. เลือกโบรกเกอร์จากตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่สามารถลงทุนได้

การมีทางเลือกที่มากขึ้นนั้นหมายถึงโอกาสที่มีขึ้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการพิจารณาจากตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เสนอโอกาสการลงทุนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรละเลย ถึงแม้ว่าตลาดหลัก ๆ เช่น อเมริกา ฮ่องกง ยุโรป จีน จะมีโบรกเกอร์ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน แต่ความแตกต่างอาจพบเจอในตลาดที่เกิดขึ้นใหม่หรือตลาดขนาดเล็ก เช่น นอร์เวย์ โปแลนด์ ไอร์แลนด์ ก็เป็นได้

    2. เลือกโบรกเกอร์ โดยเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ และค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเข้าออก

การลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีค่าธรรมเนียมในทุกรายการที่ทำ ซึ่งรวมถึงค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมที่เรียกกันทั่วไป ที่ต้องชำระให้แก่โบรกเกอร์ที่ให้บริการ ตัวอัตราค่าธรรมเนียมนี้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละโบรกเกอร์ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำการเปรียบเทียบอย่างละเอียด นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา การลงทุนในหุ้นต่างประเทศต้องมีกระบวนการโอนเงินอย่างสม่ำเสมอ และค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นในการโอนนั้นจะมีผลต่อผลกำไรสุทธิที่ได้รับ ดังนั้น ควรพิจารณาค่าธรรมเนียมในทุกรายการโอนเงินอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    3. เลือกโบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่เร็ว ไม่มีปัญหาเรื่องดีเลย์

แม้แต่ละโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบซื้อขายและแพลตฟอร์มการเทรดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ย่อมต้องรับรู้ว่าบางแพลตฟอร์มอาจจะมีความดีกว่าอีกบ้าง แพลตฟอร์มที่มีความดีกว่านั้นสามารถหมายถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน ทั้งนําเสนอฟังก์ชันการซื้อขายที่ทันสมัยและความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูง ในบางกรณี การคลาดเคลื่อนของระบบซื้อขายอาจเป็นปัญหา เช่น ระบบดีเลย์ที่ทำให้ราคาคลาดเคลื่อน การคลาดเคลื่อนนี้อาจส่งผลให้กำไรลดลง ดังนั้น การเลือกแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสามารถลดความเสี่ยงจากปัจจัยเหล่านี้ลงได้

    4. เลือกโบรกเกอร์ ที่ติดต่อสื่อสารง่าย ให้บริการดี

ในกรณีที่เราพบปัญหาในการเทรดหรือต้องการคำแนะนำและบทวิเคราะห์ต่าง ๆ ผู้ที่เราควรติดต่ออย่างแรกคือทีมมาร์เกตติ้งที่ดูแลเรา โบรกเกอร์ทุกแห่งต้องมีเจ้าหน้าที่ทีมมาร์เกตติ้งที่คอยดูแลและให้คำปรึกษาแก่พอร์ตการลงทุนของเรา การเลือกโบรกเกอร์ที่มีทีมมาร์เกตติ้งที่ประสบการณ์ มีบทวิเคราะห์หลากหลาย และเต็มใจที่จะเอาใจใส่ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ของตน