ส้มโอ (Pomelo): ผลไม้ใหญ่ขนาดทรงเดียวที่มีคุณค่าสูง
ส้มโอ หรือที่มักจะเรียกกันอีกหลายชื่อเช่น โกรัยตะลอง, มะขุน, มะโอ, ส้มมะโอ, ลีมาบาลี, และสังอู เป็นพืชที่มีลักษณะพิเศษในตระกูลส้มด้วยขนาดผลที่ใหญ่ที่สุด และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Citrus maxima มักถูกนำเสนอในโต๊ะอาหารขณะฤดูร้อนของคนไทยเป็นพิเศษ เนื่องจากรสชาติเปรี้ยวหวานเป็นที่รู้จัก เหมาะกับการบริโภคในช่วงที่อากาศร้อนจัด
นอกจากนี้ ส้มโอยังเป็นแหล่งของวิตามินซีที่สำคัญอีกด้วย มีปริมาณน้ำมากในผล ทำให้เป็นอีกตัวช่วยในการบรรเทาอาการของคนที่เป็นโรคกระหายน้ำได้อย่างดี
แม้ว่าส้มโอจะมีกำเนิดมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีการนำมาปลูกในหลายประเทศ รวมถึงประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นเครื่องดวงมงคล และมักนำขึ้นโต๊ะในเทศกาลต่างๆ หลังจากการไหว้สังขาระหว่างครอบครัวและเพื่อนญาติเสร็จสิ้น เมื่อผลส้มโอถูกแห้งแล้วนั้นจะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีตลอดทั้งปี
ลักษณะทางกายภาพของส้มโอ
ส้มโอมีรูปทรงที่โดดเด่น เริ่มต้นจากผลที่มีรูปทรงกลมหรือแพร์ พร้อมกับเส้นผ่านศูนย์กลางที่มีความยาวระหว่าง 11-17 เซนติเมตร บริเวณขั้วของผลมีการนูนขึ้นเป็นกระจุกโดยพื้นผิวของผลเป็นสีเขียวอมเหลืองเมื่อผลเข้าสู่ขั้ว ส่วนเปลือกของผลหนาประมาณ 1-2 เซนติเมตร มีผิวผลเรียบและมีจำนวนต่อมน้ำมันมาก ภายในผลมีเยื่อสีขาวหรือสีชมพู มีลักษณะหยุ่นนุ่ม และมีรสชาติที่หวานมีน้อยน้อยหมายถึง ลักษณะภายในผลเป็นช่องๆ และถูกกั้นด้วยแผ่นใยบางสีขาว
คุณค่าทางโภชนาการของส้มโอ
ส้มโอมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ โดยส้มโอ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 38 กิโลแคลอรี และมีค่าโภชนาการดังนี้:
– คาร์โบไฮเดรต: 9.62 กรัม
– โปรตีน: 0.76 กรัม
– ไขมัน: 0.04 กรัม
– ใยอาหาร: 1 กรัม
– แคลเซียม: 4 มิลลิกรัม
– ธาตุเหล็ก: 0.11 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส: 17 มิลลิกรัม
– โพแทสเซียม: 216 มิลลิกรัม
– โซเดียม: 1 มิลลิกรัม
– แมกนีเซียม: 6 มิลลิกรัม
– สังกะสี: 0.08 มิลลิกรัม
– แมงกานีส: 0.017 มิลลิกรัม
– วิตามินซี: 61 มิลลิกรัม
ควรระมัดระวังการบริโภคส้มโอในช่วงท้องว่าง เนื่องจากมีปริมาณวิตามินซีสูง อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเรื่องแผลในกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานส้มโอที่มีรสชาติเปรี้ยวเกินไป และควรระมัดระวังปริมาณการบริโภคให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย
สรรพคุณของส้มโอ
ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก นำเสนอดังนี้:
1. ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ: การบริโภคส้มโอเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจโดยมีสารชนิดหนึ่งในน้ำมันส้มโอที่ช่วยยืดอายุของเซลล์เยื่อบุหลอดเลือดและต้านอนุมูลอิสระ
2. บำรุงตับ: สารสกัดจากใบส้มโอมีฤทธิ์ช่วยลดการสะสมสารพิษในตับและต่อต้านฤทธิ์ของสารพิษที่ทำลายตับโดยตรง
3. รักษาเบาหวาน: สารสกัดจากส้มโอสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ หากมีการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
4. ลดอาการเบื่ออาหาร: รสชาติเปรี้ยวอมหวานของส้มโอช่วยกระตุ้นความอยากอาหารและลดอาการเบื่ออาหารได้
5. รักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน: มีปริมาณวิตามินซีสูงที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันและลดอาการเหงือกอักเสบ
6. เพิ่มภูมิต้านทาน: วิตามินซีช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการเกิดไข้หวัด
7.บำรุงดวงตา: การบริโภคส้มโอช่วยในการบำรุงดวงตาด้วยวิตามินเอ
8. ระบบขับถ่ายดีขึ้น: ใยอาหารสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
9. บำรุงเส้นผม: น้ำมันสกัดจากส้มโอช่วยในการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงเงางาม
10. ย่อยอาหาร: เส้นใยในส้มโอเป็นพรีไบโอติกและโปรไบโอติกช่วยในการย่อยอาหารและบำรุงลำไส้
11. ต้านอนุมูลอิสระ: วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อยและจุดด่างดำ
12. ควบคุมน้ำหนัก: ส้มโอมีแคลอรีต่ำและเป็นที่นิยมในการควบคุมน้ำหนัก
13. รักษามะเร็ง: จากงานวิจัยพิษต่อเซลล์มะเร็งของสารสกัดจากใบส้มโอของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าสารโพลีเมทอกซีเลทเทต ฟลาโวน (Polymethoxylated flavones) ซึ่งเป็นสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ในใบส้มโออาจมีศักยภาพที่จะนำมาใช้ในการรักษามะเร็งได้ แต่ยังเป็นเพียงงานวิจัยถึงแนวโน้มเท่านั้น
เปลือกส้มโอ: ยารักษาที่แสนพิเศษ
เปลือกส้มโอไม่เพียงแต่เป็นส่วนของผลไม้ที่ทานได้ แต่ยังเป็นทรัพยากรที่มีสารพัดประโยชน์ทางการแพทย์อันน่าทึ่งด้วย
ในประเทศจีน เปลือกส้มโอถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของยาหอม เพื่อช่วยบรรเทาอาการหน้ามืด วิงเวียน ตาลาย ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่นๆ นอกจากนี้ สำหรับบางคนที่ไม่ชอบกลิ่นเปลือกส้มโอ สามารถนำเปลือกมาจิ้มกับยาหอมเพื่อรับประทานเพื่อบรรเทาอาการได้อีกด้วย
ในวงค์การเมืองจีน เปลือกส้มโอถูกใช้เป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติ และใช้เป็นส่วนประกอบในยาหอม โดยยาหอมที่มีเปลือกส้มโอผสมอยู่นั้นช่วยให้ร่างกายสดชื่น นอกจากนี้ยังมีการใช้เปลือกส้มโอในการรักษาลมพิษโดยการต้มกับน้ำสะอาดแล้วนำมาอาบ ซึ่งช่วยในการบรรเทาผื่นคันที่เกิดจากลมพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในทางตอนของการแพทย์ไทย เปลือกส้มโอมีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคและบำรุงสุขภาพ โดยเฉพาะเปลือกส้มโอหวาน จากตำรายาไทยบอกไว้ว่า มีสรรพคุณแก้ลม แก้เสมหะ และใช้ปรุงเป็นยาหอม
เมนูสุขภาพที่ทำจากส้มโอ
ส้มโอไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่อร่อยและสดชื่น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในเมนูอาหารสุขภาพ เช่น ยำและเมี่ยง ซึ่งมีรสชาติเฉพาะตัวที่สามารถตอบสนองความอร่อยของผู้รับประทานได้อย่างดี
1. ยำส้มโอกุ้งสด:ใช้ส้มโอสดผสมกับกุ้งสดลวก โขลกเครื่องปรุงรสต่างๆ แล้วคนให้เข้ากัน รสชาติเปรี้ยว หวาน ละมุน และมีรสชาติที่หลากหลาย ควรรับประทานเพื่อสุขภาพที่ดี
2. เมี่ยงส้มโอไก่กรอบ:นำส้มโอสดมาผสมกับไก่ที่คั่วกรอบ รับประทานคู่กับน้ำยำที่เตรียมไว้ รสชาติหวาน กรอบ และสดชื่น
ข้อควรระวัง
การรับประทานส้มโอเพื่อสุขภาพมีข้อควรระวังบางประการ
– ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเนื่องจากมีความหวานที่สูง และอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน
– ผู้ที่กำลังรับการรักษาด้วยยาบางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน
– มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวหนังจากการร