สะตอ: อาหารยอดนิยมของชาวปักษ์ใต้ที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
หากพูดถึงอาหารยอดนิยมในภาคใต้ของประเทศไทย สะตอ หรือที่ชาวปักษ์ใต้เรียกกันว่า “กะตอ” เป็นอาหารที่คำนึงถึงอันดับแรกๆ อย่างแน่นอน แม้ว่าสะตอจะมีกลิ่นฉุนบ้าง แต่ไม่ลดความนิยมในการรับประทาน และมีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
สะตอ (Parkia speciosa หรือ Petai) มีรูปร่างคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ และเป็นที่รู้จักมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศไทย, สิงคโปร์, ลาว, อินโดนีเซีย, และมาเลเซีย
คุณค่าทางโภชนาการของสะตอ (ต่อ 100 กรัม) มีดังนี้:
- พลังงาน: 124 กิโลแคลอรี่
- ธาตุเหล็ก: 3.4 มิลลิกรัม
- วิตามินซี: 32.7 มิลลิกรัม
- วิตามินบี1: 0.15 มิลลิกรัม
- วิตามินบี2: 0.2 มิลลิกรัม
- วิตามินบี3: 0.5 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม: 376 มิลลิกรัม
- แคลเซียม: 126 มิลลิกรัม
- โซเดียม: 11 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส: 3 มิลลิกรัม
- คาร์โบไฮเดรต: 16.9 กรัม
- โปรตีน: 10 กรัม
- ไขมัน: 1.8 กรัม
- ไฟเบอร์: 1 กรัม
7 ประโยชน์จากสะตอที่คุณไม่เคยรู้:
- บรรเทาอาการซึมเศร้า: สะตอมีทริปโตเฟน (Tryptophan) ช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและเสริมอารมณ์ดี.
- ลดความเสี่ยงต่อโรคโลหิตจาง: สะตออุดมด้วยธาตุเหล็กช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคโลหิตจาง (Anemia).
- ลดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิต: มีโพแทสเซียมสูงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิต.
- รักษาสมดุลของระดับน้ำตาล: ช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด.
- บรรเทาอาการท้องผูก: สะตอมีไฟเบอร์มากช่วยลดอาการท้องผูก.
- บำรุงสุขภาพดวงตา: มีวิตามินเอสูงช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา.
- บำรุงสมอง: มีสารช่วยในการเรียนรู้และบำรุงสมอง.
ผลข้างเคียงในการบริโภค: สะตอมีกรดแจงโคลิก (Djenkolic acid) ซึ่งอาจทำให้มีกลิ่นปากและปัสสาวะมีกลิ่น และหากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้นควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม.
สรุป สะตอไม่เพียงเป็นอาหารยอดนิยมของชาวปักษ์ใต้เท่านั้น, แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมาก การรับประทานสะตออย่างสม่ำเสมอ และในปริมาณที่เหมาะสม, จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการส่งเสริมสุขภาพของคุณ.