วิธีเลือกแผ่นรองตัดให้เหมาะกับงาน และสไตล์ของคุณ

วิธีป้องกันรอยคัตเตอร์บนหน้าโต๊ะทำงานของคุณมีหลายวิธี แต่วิธีที่มีประสิทธิภาพและง่ายที่สุดคือการใช้แผ่นรองตัดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในสำนักงานหรือที่บ้าน การเลือกใช้แผ่นรองตัดที่เหมาะสมเป็นเรืองสำคัญมากๆ ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพของการทำงานของคุณ ในบทความนี้จะขอแนะนำวิธีเลือกแผ่นรองตัดมาฝากกัน

วิธีสำหรับการเลือกแผ่นรองตัด

อันดับแรกในการเลือกแผ่นรองตัดก็คือการกำหนดจุดประสงค์ในการใช้งานว่าคุณต้องการใช้เพื่อรองรับการตัดกระดาษ ตัดแผ่นฟิล์ม ตัดสติกเกอร์หรือว่าใช้ตัดผ้า นั่นเพราะว่าแผ่นรองตัดแต่ละประเภทจะมาพร้อมขนาดความหนาและวัสดุที่แตกต่างกัน จากนั้นจึงมาดูวิธีการเลือกแผ่นรองตัดตามวิธีการใช้งานกันเลย

1. เลือกแผ่นรองตัดให้เหมาะสมกับการใช้งาน

เมื่อกล่าวถึงแผ่นรองตัด, คนส่วนมากมักมองเห็นแค่แผ่นยางสีเขียวทึบเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว, แผ่นรองตัดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ ได้คือ แผ่นรองตัดที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการกรีดของคัตเตอร์ และแผ่นรองตัดที่ใช้กับเครื่องพิมพ์

1.1 แผ่นรองตัดสำหรับคัตเตอร์

สำหรับแผ่นรองตัดประเภทนี้, มักพบได้ทั่วไปในตลาดโดยมีวัสดุที่หลากหลายประเภท แต่มักจะใช้วัสดุที่ทนทานและยืดหยุ่น โดยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ PP และ PVC โดย PP จะมีความทนทานต่ออุณหภูมิสูง ในขณะที่ PVC จะมีน้ำหนักที่เบากว่า

แผ่นรองตัดประเภทนี้มักมีความนุ่มนวลที่พื้นผิวด้านบน, ไม่ทำให้กระดาษลื่นไถลขณะใช้คัตเตอร์กรีด และบางแผ่นยังมีคุณสมบัติ Self-Healing ที่ช่วยรักษาพื้นผิวได้ แม้ว่าแผ่นรองตัดเหล่านี้จะมีรอยแผลจากความทนทานต่อการกรีด, แต่มักมีขนาดเล็ก คล้ายกับรอยขีดข่วนมากกว่ารอยบาดลึก

1.2 แผ่นรองตัดที่ใช้สำหรับการตัดสติ๊กเกอร์ หรือตัดผ้า

ความพิเศษของแผ่นรองตัดสำหรับเครื่องตัดสติกเกอร์และ Rotary Cutter ที่ใช้ตัดผ้าอยู่ที่พื้นผิวที่สามารถยึดเกาะชิ้นงานได้ดีกว่าแผ่นรองตัดทั่วไป, รวมถึงขนาดการใช้งานที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง

  • แผ่นรองตัดสติกเกอร์ : จะมีลักษณะเป็นแผ่นใสและมีกาวในตัว มีความบางเฉียบแต่ยึดเกาะชิ้นงานได้ดี, ออกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกับเครื่องตัดสติกเกอร์ ใช้เพื่อจับชิ้นงานไม่ให้เลื่อนหลุด, รองรับการกรีด ต้องระวังฝุ่นและเปลี่ยนแผ่นเมื่อเสื่อมสภาพ
  • แผ่นรองตัดผ้า : ใช้ร่วมกับ Rotary Cutter หรือล้อหมุนสำหรับตัดผ้า ตัดหนัง มีพื้นผิวสากกว่าแผ่นรองตัดธรรมดา มาพร้อมสเกลการวัดที่หลากหลาย, ทำให้สามารถใช้ตัดภาพเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น หลังใช้งานต้องดูแลรักษาเศษผ้าและใช้เทปกาวค่อย ๆ ดึงเศษผ้าเพื่อรักษาความสะอาด

2. ตรวจสอบ ขนาดและสเกล รวมทั้งความหนาของแผ่นรองตัด

นอกจากวัสดุที่ใช้ทำแผ่นรองตัดแล้ว, ขนาดและสเกลของแผ่นรองตัดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการใช้งาน. ขนาดและสเกลเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์ที่เต็มที่จากการใช้แผ่นรองตัด

2.1 ขนาดและสเกล

เป็นตัวบ่งบอกถึงความละเอียดในการวัดและความสามารถในการรองรับแผ่นชิ้นงาน มีสเกลวัดมุมและรูปเรขาคณิตเพิ่มเติม, เพื่อเพิ่มความละเอียดในการวัดก่อนกรีด มีเส้นตารางกริด, หน่วยวัดเมตริก (เซนติเมตร) และอิมพีเรียล (นิ้ว) ช่วยให้การวัดแม่นยำยิ่งขึ้น

2.2 ความหนาและโครงสร้าง

ความหนาของแผ่นรองตัดทั่วไปอยู่ที่ 2.5 – 3 มิลลิเมตร โครงสร้างประมาณ 3 – 5 ชั้น, ยิ่งหนายิ่งมีความนุ่ม ควรเลือกรุ่นที่สเกลไม่เลื่อนง่าย, เพื่อความนุ่มและความคงทนในการใช้งาน การเลือกแผ่นรองตัดที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและความสะดวกสบายมากขึ้น

3. เลือกแผ่นรองตัดที่สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ด้าน

ข้อดีของแผ่นรองตัดที่สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ด้านคือการแยกหน่วยวัดนิ้วและเซนติเมตรออกจากกัน, ทำให้สามารถใช้งานได้โดยไม่สับสนในหน่วยวัดความยาว. แต่เมื่อเทียบกับแผ่นรองตัดที่มีด้านเดียว, มีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด:

3.1 แผ่นรองตัด 2 ด้าน

  • ข้อดี แยกหน่วยวัดนิ้วและเซนติเมตรออกจากกัน ทำให้หยิบใช้งานได้โดยไม่สับสนในหน่วยวัดความยาว มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า สเกลละเอียดมากกว่า
  • ข้อเสีย มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า, ยึดกับพื้นหรือโต๊ะได้น้อยกว่า

3.2 แผ่นรองตัดด้านเดียว

  • ข้อดี ยึดกับพื้นหรือโต๊ะได้เหนียวแน่กว่า, เนื่องจากวัสดุด้านหน้ากับด้านหลังไม่เหมือนกัน มีราคาที่ถูกกว่า
  • ข้อเสีย มีสเกลที่ละเอียดน้อยกว่า