“น้ำแร่: การเลือกใช้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ในปัจจุบัน, น้ำแร่เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเมื่อพูดถึงสุขภาพ. น้ำแร่ที่เน้นไปที่พลังแม่เหล็กได้รับความสนใจมากที่สุดในหมู่น้ำแร่ แต่ข้อมูลจากการศึกษายังคงมีน้อยและไม่ชัดเจน. ดังนั้น, เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ก่อนที่คุณจะตัดสินใจที่จะบริโภค, ขอนำเสนอประเภทของน้ำแร่ที่ได้จากธรรมชาติตามผลกระทบที่มีต่อร่างกายและฤทธิ์ในการบำบัดโรค:
1. น้ำแร่ที่เสริมแม็กนีเซียม (Magnesium-Enriched Mineral Water):**
– ประโยชน์:** ช่วยส่งเสริมระบบประสาท, ป้องกันไมเกรน, และเสริมกระบวนการเผาผลาญพลังงาน.
– เหมาะสำหรับ:** ผู้ที่ต้องการเสริมสารอาหาร, คนที่มีปัญหาด้านประสาท, และคนที่กำลังออกกำลังกาย.
2. น้ำแร่ที่สูงแอลกอฮอล์ (High Alkaline Mineral Water):**
– ประโยชน์:** ช่วยปรับสมดุลกรด-เบสในร่างกาย, ลดความเป็นกรด, และเสริมระบบภูมิคุ้มกัน.
– เหมาะสำหรับ:** คนที่ต้องการความดูแลสุขภาพของทางเดินอาหาร, คนที่มีปัญหาด้านกรด-เบส.
3. น้ำแร่ที่มีแร่ธาตุ (Mineral-Infused Water):**
– ประโยชน์:** เสริมแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย, ช่วยให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานมีประสิทธิภาพ.
– เหมาะสำหรับ:** ผู้ที่ต้องการเสริมธาตุอาหาร, คนที่กำลังดำเนินการกิจกรรมที่ต้องการพลังงานมาก.
4. น้ำแร่ที่เสริมไอโอดีน (Iodine-Enriched Mineral Water):**
– ประโยชน์:** เสริมไอโอดีนสำคัญสำหรับการทำงานของต่อมไทรอยด์ในร่างกาย.
–
“วิธีดื่มน้ำแร่: คำแนะนำและข้อควรระวัง
การบริโภคน้ำแร่มีวิธีการหลายแบบ ซึ่งควรปรับให้เหมาะกับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละคน นี้คือวิธีการดื่มน้ำแร่ที่สามารถนำมาปฏิบัติทั้งในทางการแข่งขันหรือในชีวิตประจำวัน:
1. การดื่มน้ำแร่ปริมาณมากในระยะเวลาสั้นๆ (Water loading):**
-คำแนะนำ:** ดื่มน้ำปริมาณ 1 ลิตร ภายใน 30 นาทีขณะท้องว่าง. ไม่ควรดื่มก่อนนอน เพราะอาจทำให้ต้องตื่นขึ้นมาในช่วงกลางคืน.
2. การดื่มแบบทยอยในปริมาณไม่สูง (Subdivided doses):**
– คำแนะนำ:** ดื่มน้ำแร่ปริมาณ 500 มิลลิลิตรและตามด้วยน้ำแร่ 10 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม. จิบน้ำครั้งละน้อยขณะเดินหรืออ่อนเพลีย หรือพร้อมมื้ออาหาร.
3. สำหรับนักกีฬา:**
– คำแนะนำ:** ดื่มน้ำแร่ที่มีปริมาณเกลือแร่น้อยถึงปานกลางตลอด 2 ชั่วโมงก่อนการแข่งขัน. ดื่ม 100-150 มิลลิลิตรทุก 15-20 นาที และดื่ม 400-500 มิลลิลิตร 15 นาทีสุดท้ายของชั่วโมงที่ 2 หลังการอบอุ่นร่างกาย. ระหว่างการแข่งขัน, ดื่ม 200-250 มิลลิลิตรทุก 15-20 นาที.
4. ผู้ที่ไม่ควรดื่มน้ำแร่:**
– น้ำแร่ที่มีปริมาณโซเดียมสูง:** ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง.
– น้ำแร่เกลือโซเดียมคลอไรด์ (Sodium chloride waters):** ผู้ที่มีปัญหาด้านกระเพาะอาหาร.
– น้ำแร่ซัลเฟอร์ (Sulfurous waters):** ผู้ป่วยที่มีโรคทางระบบทางเดินหายใจ.
– น้ำแร่ไบคาร์บอเนต (Bicarbonate waters):** ผู้ป่วยที่มีภาวะ gastric hypochilia.
– น้ำแร่ซัลเฟต (Sulfate waters):** ผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารและมีแผลในทางเดินอาหาร.
การดื่มน้ำแร่ควรปรับให้เหมาะกับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคน