ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปรับเปลี่ยนและประเด็นที่ควรรู้
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นระบบภาษีใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแทนที่ระบบเดิมของ “ภาษีโรงเรือนและที่ดิน” และ “ภาษีบำรุงท้องที่” ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของฐานภาษี, การปรับปรุงราคาภาษี, และการลดหย่อนภาษี เก่าๆ ส่วนสำคัญของราคาและการลดหย่อนยังคงเป็นเหมือนเดิม, คือเพื่อลดการซื้อที่ดินเพื่อกักตุนไว้โดยไม่นำมาใช้ประโยชน์, และลดปัญหาการปั่นราคาที่ดิน นอกจากนี้, เป้าหมายสำคัญคือการนำรายได้จากภาษีมาใช้ในการดูแลรักษาพื้นที่อย่างเหมาะสม. การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายในการสร้างระบบภาษีที่ยุติธรรมและเสถียร, ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จริงจากที่ดิน, และเพิ่มความยุติธรรมในการเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศ.
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา, มีการแก้ไขและปรับเปลี่ยนกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทยทำให้เกิดความสับสนในหลายๆ คน ภาษีที่ดินฉบับใหม่นี้นับเป็นการปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ก็ยังคงมีประเด็นที่ยังไม่ชัดเจนและมีความไม่ทันสมัยในหลายด้าน
หนึ่งในประเด็นที่ทำให้หลายคนตกใจคือขาดความชัดเจนในกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ทำให้มีความไม่แน่ใจในการคำนวณภาษีที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังไม่มีคำชี้แจงที่ชัดเจนเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินทรัพย์สิน เช่น สิ่งปลูกสร้างหรือที่ดินว่างเปล่า ซึ่งทำให้เกิดความสับสนในการใช้เมตริกต่างๆ
นอกจากนี้, การที่ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนทำให้เจ้าของทรัพย์สินและผู้เสียภาษีมีความไม่แน่ใจในการปรับตัวต่อกฎหมายใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนและข้อขัดแย้งในการใช้สิทธิ์และหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในทางปฏิบัติ, การต้องจับตากับการปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2563 นี้ ควรทำการศึกษาข้อมูลและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และถามถึงคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติตามกฎหมายนั้นถูกต้องและป้องกันการเกิดปัญหาทางกฎหมายในอนาคต
มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566: ลดภาระและสนับสนุนฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ล่าสุด, เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ซึ่งนำเสนอมาพร้อมกับมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถึง 15% ในปีภาษี 2566 โดยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เข้าข่ายอยู่ใน 4 ประเภทดังนี้:
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจากข้อ 1 และ 2
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งมีเหตุผลเพื่อลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, บรรเทาผลกระทบต่อประชาชน, และสนับสนุนให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่การประกาศพระราชกฤษฎีกานี้เป็นต้นมา, ผู้เสียภาษีและเจ้าของทรัพย์สินควรติดตามและทำความเข้าใจกับมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้อย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่และป้องกันความสับสนในการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้
มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566: การปรับลดส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและบริการ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบการปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้:
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับการลดภาษีตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 จะได้รับการลดภาษีในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ เช่น โรงพยาบาล, ร้านทำผม, ร้านอาหาร, ร้านล้างรถ, และห้างสรรพสินค้า
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการลดภาษี 50% ตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 จะได้รับการลดภาษีลงอีกในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่ลดไปแล้ว 50% ตัวอย่างกรณีได้แก่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลธรรมดาที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน, ที่ดินที่ตั้งของโรงผลิตไฟฟ้า, และที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นเขื่อน
- กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้รับการลดภาษี 90% ตามพร.ร.ฎ.ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 จะไม่ได้รับการลดภาษีเพิ่มอีก เนื่องจากมาตรา 55 ของพร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 กำหนดอัตราการลดภาษีสูงสุดที่ 90% สำหรับโรงเรียนในระบบ, โรงเรียนนอกระบบประเภทสอนศาสนา, สวนสัตว์ที่ได้รับอนุญาต, และสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
การเลื่อนวันชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2567: ปรับเปลี่ยนเพื่อประชาชน”
เมื่อเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศขยายกำหนดเวลาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2567 ในประกาศล่าสุด, กระทรวงมหาดไทยได้ทำการเลื่อนวันชำระภาษีไปอีก 2 เดือน เพื่อบรรเทาภาระการชำระเงินของประชาชน. นับจากนี้, ผู้เสียภาษีจะต้องชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายในเดือน มิถุนายน 2567 แทนที่จะต้องชำระในเดือนเมษายน 2567 เหมือนเดิม.
การเลื่อนวันชำระภาษีนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินเพื่อช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสถานการณ์ปัจจุบัน. นอกจากนี้, มีความหวังว่ามาตรการนี้จะช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจของประชาชนในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้.