“ขวัญเอยขวัญมา”
“ขวัญเอยขวัญมา” เป็นประโยคที่สามารถได้ยินบ่อยๆ จากผู้ใหญ่ที่ใช้เพื่อปลอบโยนเด็กน้อยที่ร้องไห้หรือในที่ๆต่างๆ ในวันที่เฉลิมฉลอง หรือเวลาที่พิเศษ แต่ทว่า คำว่า “ขวัญ” มีความหมายที่ลึกซึ้งมีสาระมากมายที่เกี่ยวข้องกับทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวไทย โดยเฉพาะในภาคอีสานที่มองเห็นความสำคัญของพิธี “ขวัญ” ที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตมาโบราณและมีความหมายทางทางศาสนา
ก่อนที่จะเข้าสู่พิธี “ขวัญ”, เราควรทราบถึงความหมายของ “ขวัญ” ตามความเชื่อของชาวไทย ที่เรียก “ขวัญ” ว่าเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ขวัญมีบทบาทในการคุ้มครองและดูแลชีวิตในทุกๆ มิติ แม้จะไม่เห็นรูปร่างของขวัญ แต่เชื่อกันว่ามักจะอยู่ที่จุดที่เรียกว่า “จอมขวัญ” หรือขวัญกลมๆ ตรงกลางหัวของเรา
แม้ว่าขวัญจะติดตามเราตลอดเวลา แต่ก็สามารถหลบหนีหน้าได้ ซึ่งเปรียบเสมือนกับการหลบหนีหน้าของเด็กๆที่รู้สึกตื่นเต้นและกระตือรือร้น แต่กลับมีการกลับมาสู่สภาพปกติ จนถึงขณะที่เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ขวัญก็จะมีความมั่งคงและมีสติอารมณ์ที่ดีขึ้นตามวัย ขวัญถือเป็นสิ่งที่คุ้มครองและพิทักษ์รักษาชีวิตของเรา
ดังนั้น, พิธี “ขวัญ” เป็นหนึ่งในพิธีสำคัญที่ชาวอีสานนับถือและปฏิบัติในทุกๆ ช่วงชีวิต ไม่เพียงเท่านี้เท่านั้น การเข้าใจถึงความหมายและบทบาทของขวัญทำให้เรามองเห็นความสำคัญของการรักษาดูแลความสุขและความมั่งคงของชีวิตในทุกๆมิติของมนุษย์
บางคนเมื่อเจอเหตุสะเทือนใจทางอารมณ์มากๆ ไม่ว่าจะเพราะเจออุบัติเหตุ เจอเหตุการณ์ผิดหวังรุงแรงในชีวิต หรือเสียใจจากอะไรก็ตาม ขวัญก็สามารถหลุดหายไปได้เช่นกัน อันเป็นสาเหตุให้เกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หายจากอาการเจ็บป่วยช้า ใจเหม่อลอยไม่มีสติ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เรียกว่าอาการ “ขวัญหาย” และจำเป็นที่จะต้องจัดพิธีเรียกขวัญกลับมา อันเป็นที่มาของพิธีส่อนขวัญ นั่นเอง
พิธีส่อนขวัญ เรียกขวัญกลับมา อย่าหายไปนาน
พิธีส่อนขวัญในภาคอีสานถือเป็นธรรมเนียมที่ทรงพลังและสำคัญมากในการเรียกคืนความเจริญรุ่งเรืองของชีวิตหลังจากที่ขวัญหายไปหรือเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ ในที่นี้จะได้อธิบายถึงขั้นตอนและสิ่งที่ใช้ในการทำพิธีส่อนขวัญในภาคอีสานอย่างละเอียดมากขึ้น
- สวิงหรือหิง: เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เป็นช้อนสัตว์น้ำขนาดเล็ก ทำจากวัสดุพื้นฐาน เช่น ไม้หรือเหล็ก มักมีรูปร่างคล้ายกรวยหรือช้อน.
- กรวยดอกไม้และเทียน: เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตกแต่งและประดับพิธี มักใช้ดอกไม้สีขาวและเทียนสีดำ เพื่อสร้างความเป็นศักดิ์สิทธิ์และเคารพ.
- อาหาร, ขนม, ผลไม้ และน้ำดื่ม: เป็นพวกอาหารที่นำมาใส่ในกรวย เพื่อให้ขวัญมีพลังและอาหารเพียงพอในการกลับมา.
ขั้นตอนในการทำพิธีส่อนขวัญ:
- เตรียมอุปกรณ์: ตรวจสอบและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่ได้กล่าวถึงข้างต้น.
- นำกรวยดอกไม้และเทียนไปวาง: นำกรวยดอกไม้และเทียนไปวางในบริเวณที่เกิดเหตุหรือที่คิดว่าขวัญไปตกอยู่.
- นำสวิงไปเดินช้อนขวัญ: ผู้ทำพิธีจะใช้สวิงหรือหิงไปช้อนขวัญด้วยการเดินรอบๆ บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมกับการพูดคำสั่งเชิญขวัญให้กลับมา.
- เชิญพาญาติหรือญาติมาเรียก: เพื่อให้ขวัญดีใจและรีบกลับมา มีการเชิญพาญาติหรือญาติที่สัมพันธ์ใกล้ชิดมาเรียกขวัญ.
- การพูดคำสั่ง: ขณะที่กำลังทำพิธี ผู้ทำพิธีจะนำสวิงไปช้อนขวัญพร้อมกับการพูดคำสั่งเชิญ
พิธีสู่ขวัญ: เรียกขวัญเพื่อเรียกกำลังใจ
เมื่อเทียบกับส่อนขวัญแล้ว พิธีสู่ขวัญดูจะเป็นอะไรที่เราคุ้นเคยกันมากกว่า เพราะยามที่ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยก็ต้องผ่านพิธีนี้เป็นลำดับแรกๆ พิธีสู่ขวัญจะต่างกับส่อนขวัญตรงที่จะทำกันในสถานที่หนึ่งๆ และจะต้องมีการจัดบายศรี เป็นเครื่องเชิญขวัญด้วย
บายศรี: ทำด้วยใบตอง รูปร่างคล้ายกระทงเป็นชั้น ๆ มีขนาดใหญ่เล็กสอบขึ้นไปตามลำดับ เป็น 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้น หรือ 9 ชั้น มีเสาปักตรงกลางเป็นแกน มีเครื่องสังเวยวางอยู่ในบายศรี และมีไข่ขวัญ (ไข่ต้ม) เสียบอยู่บนยอด มีการพันสายสิญจน์ไว้โดยรอบเพื่อใช้ผูกข้อมือผู้รับขวัญ โดยมีผู้นำทำพิธีเรียกว่า หมอขวัญ เชื่อว่าการสู่ขวัญช่วยทำให้เกิดมงคล มีความสุขราบรื่น มีโชคลาภ ช่วยให้มีขวัญ และกำลังใจที่ดีขึ้นนั่นเอง
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพิธีที่เกี่ยวข้องกับขวัญ จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายรูปแบบมาก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สะท้อนความเชื่อของชาวไทยในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี และสอนเราให้รู้ว่านอกจากร่างกายเราแล้ว ใจเราก็ต้องพร้อมควบคู่กันไปด้วย ถึงจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขครับ