พฤติกรรมทำร้าย “ไต” ทั้งที่ไม่ได้กินเค็มก็เป็นโรคไตได้

Chaprachanyim | ชาพระจันทร์ยิ้ม | 7 พฤติกรรมทำร้าย“ไต”ทั้งที่ไม่ได้กินเค็ม

พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำร้ายไต ไม่เพียงแต่เค็มเท่านั้น

โรคไต

เป็นชื่อที่ใช้เรียกอาการและ/หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นในไตซึ่งส่งผลให้การขับของเสียและการรักษาความสมดุลของเกลือและน้ำในร่างกายมนุษย์เกิดภาวะขัดข้อง โรคนี้มีหลายประเภทดังนี้:

  1. โรคไตวายฉับพลัน: เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง มักเกิดจากปัจจัยที่ทำให้ไตได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็ว เช่น การชนกับสารพิษหรือการติดเชื้อรุนแรง
  2. โรคไตวายเรื้อรัง: เกิดขึ้นเป็นเวลานานและมีลักษณะเป็นระยะ ส่วนใหญ่เกิดจากโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม
  3. โรคไตอักเสบเนโฟรติก: เกิดจากการสะสมของสารเม็ดตระกูลเนโฟรติกในไต
  4. โรคไตอักเสบจากภาวะภูมิคุ้มกันสับสน: เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันโต้เผยตัวเองเองสำหรับเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดการทำลายเนื้อไต
  5. โรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น กรวยไตอักเสบ ไตเป็นหนอง หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  6. โรคถุงน้ำที่ไต: เกิดจากการสะสมของน้ำในถุงน้ำที่ไต

สาเหตุของโรคไตสามารถเป็นเช่นต่อไปนี้

  • พันธุกรรม: โรคไตอาจถูกสืบต่อมาจากพันธุกรรม เช่น มีไตข้างเดียว หรือไตที่มีขนาดไม่เท่ากัน
  • การอักเสบ: เช่น โรคกลุ่มเลือดฝอยในไตอักเสบ
  • การติดเชื้อ: เช่น กรวยไตอักเสบ ไตเป็นหนอง หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • การอุดตัน: เช่น จากนิ่ว ต่อมลูกหมากโต หรือมะเร็งมดลูกไปกดท่อไต
  • เนื้องอก: เช่น เกิดเนื้องอกขึ้นที่ไต

การรักษาและการป้องกันโรคไตสำคัญที่สุดคือการรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกายและการบริโภคอาหารที่สมดุล รวมถึงการควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด การป้องกันโรคหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการลดการบริโภคเค็ม เป็นต้น หากมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการดูแลและตรวจสุขภาพอย่างเป็นระยะเวลาอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ป่วยโรคไต ดูแลตัวเองอย่างไรให้สุขภาพดี - โรงพยาบาลสินแพทย์

การเกิดโรคไตสามารถมีอาการหลายประเภทตามลักษณะของโรคและความรุนแรงของสภาพโรค

  1. ปัสสาวะมีเลือด: เมื่อมีการทำลายเนื้อเยื่อในไตอาจทำให้เลือดปนอยู่ในปัสสาวะ
  2. ปวดหลัง: การทำลายเนื้อเยื่อหรือการอักเสบในไตอาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง
  3. ปวดท้อง: อาจมีความรู้สึกอย่างเจ็บปวดหรือตื้นตันบริเวณท้องเพื่อระบบขับของไต
  4. ตามเช่นเดียวกับอาการทั่วไปที่ระบุไว้ในข้อก่อนหน้า เช่น เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ อาเจียน อาการเบื่ออาหาร และอื่นๆ
  5. บวมที่แขนหรือขา: การควบคุมการถ่ายเทของน้ำในร่างกายขัดข้องอาจ导致น้ำเหลืองในบางพื้นที่ของร่างกาย อาจเกิดการบวมขึ้น โดยเฉพาะในแขนหรือขา
  6. ความดันโลหิตสูง: ไตเป็นหน่วยควบคุมความดันโลหิต การทำลายหรือความเสื่อมของการทำงานของไตอาจทำให้ความดันโลหิตสูง
  7. อาการระบบประสาท: หากมีการสะสมสารพิษในร่างกายเนื่องจากความผิดปกติในการขับของไต อาจส่งผลต่อระบบประสาทและมีอาการเช่นปวดหัว หรือสับสน

การระวังและการรับรู้ถึงอาการที่เป็นไปได้ของโรคไตมีความสำคัญ เพื่อให้สามารถรักษาโรคไตในระยะแรกได้เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงต่อภาวะที่รุนแรงขึ้นได้. การสงสัยเกี่ยวกับโรคไตควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม.

ความสำคัญของไต โรคไตวายเรื้อรังและการรักษา - Praram 9 Hospital

วิธีการรักษาโรคไต: การดูแลและป้องกัน

การรักษาโรคไตมีความสำคัญอย่างมากในการรักษาสุขภาพทั่วไปของร่างกาย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันที เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคไตที่สำคัญได้แก่:

  1. การตรวจและวินิจฉัยโรคไต: การตรวจและวินิจฉัยโรคไตเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้ การตรวจสอบอาการและสถานะของไตที่เหมาะสมช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น
  2. การรักษาตามสาเหตุของโรคไต: หากสาเหตุของโรคไตได้รับการระบุ เช่น โรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง แพทย์อาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิต และรับประทานยาที่เหมาะสมเพื่อช่วยควบคุมโรคพื้นฐานนั้น
  3. การรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมของไต: ในบางกรณีที่ไตมีการทำงานเสื่อมลงมากขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหาร เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของไต รวมถึงการใช้ยาที่ช่วยลดการทำลายของไตและควบคุมอาการของโรคไตให้มีการเสริมสร้างไตอย่างเหมาะสม
  4. การควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด: การควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเหมาะสม

การรักษาโรคไตมีหลายขั้นตอนและความต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่มีโรคไตหรือมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาและป้องกันโรคไตอย่างมีประสิทธิภาพครับ/ค่ะ