เส้นทางของบูลส์: การเดินทางผ่านเส้นเวลาและประวัติศาสตร์
เริ่มต้นของดนตรีบูลส์มีต้นกำเนิดอยู่ในช่วงเวลาที่ชุมชนของนักโทษผิวดำและชาวแอฟริกันก้าวเข้าสู่ดินแดนเสรีภาพในตอนแรกของศตวรรษที่ 20 นักดนตรีบูลส์ตั้งต้นจากการนำเสนอศิลปะและวัฒนธรรมของพวกเขา โดยมีเพลงร้องสวดหรือเพลงทางศาสนาที่เรียกว่า “Gospel” เป็นหนึ่งในลักษณะหลักของดนตรีนี้ในตอนแรกๆ
ดนตรีบูลส์เป็นศิลปะที่ถูกสืบทอดต่อกันผ่านการร้องเพลงแบบปากต่อปากรุ่นต่อรุ่น โดยมีเนื้อหาที่บรรยายถึงความลำบากและทุกข์ทรมานในชีวิตของนักโทษหรือทาสที่ถูกกดขี่ข่มเหงอยู่ตลอดเวลา นักดนตรีบูลส์มักใช้เครื่องดนตรีที่อยู่ใกล้ตัว โดยมักจะเป็นเครื่องดนตรีราคาถูกและนักดนตรีที่ไม่ได้รับการศึกษาทฤษฎีดนตรีเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เสียงและท่วงทำนองมักมีลักษณะเปี้ยนเป็นแบบที่ไม่แข็งแรงและมีความมั่ว
บูลส์และการปลดปล่อย: การแสดงอารมณ์ที่สูงสุดผ่านเสียง
ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา (ปลายๆ ทศวรรษที่ 19 – ต้นทศวรรษที่ 20) ดนตรีบูลส์ก็เริ่มมีการพัฒนาทางการค้ามากขึ้น นักดนตรีเริ่มมีการบันทึกเสียงเพื่อการค้าและนักดนตรีบูลส์ที่เริ่มก้าวหน้ามี Lonnie Johnson ซึ่งมีทักษะในการเล่นกีตาร์ที่นำเอาไอเดียใหม่ๆมาใช้ และเป็นแรงบัลดาลใจต่อนักดนตรีอื่นๆ เช่น Robert Johnson ผู้กลายเป็นมือกีตาร์ที่โดดเด่นและมีอิทธิพลอย่างมากในดนตรีบูลส์
รวมหัวใจบูลส์: ประสบการณ์ทางดนตรีที่แท้จริงและเข้มแข็ง
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1920 ถึงต้นทศวรรษที่ 1930 มีนักดนตรีบูลส์ที่ก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักมากขึ้น เช่น W.C Handy หรือ “บิดาแห่งบลูส์” ผู้ที่แต่งเพลงที่มีความนิยมมากมาย เช่น “Beale Street Blues”, “Yellow Dog Blues”, และ “ST.Louis Blues” ที่ยังคงโดดเด่นในปัจจุบัน
การพัฒนาของดนตรีบูลส์ยังคงได้รับความนิยมต่อมาในยุคต่อมา มีนักดนตรีที่เก่งก้าวขึ้นมาอย่าง T – Bone Walker, Albert King, B.B King, Muddy Waters, Jimi Hendrix, Eric Clapton, Stevie Ray Vaughn, Robben Ford และรุ่นใหม่อย่าง Jonny Lang, Kenny Wayne Shepherd ที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลในดนตรีบูลส์ในปัจจุบัน