ประวัติของ Storage ตั้งแต่อดีดถึงปัจจุบัน
ประวัติของการเก็บข้อมูลจากอดีดถึงปัจจุบันมีความหลากหลายและนับถือได้ว่าเป็นประวัติที่ทรงพลังและน่าสนใจ เริ่มต้นจากการใช้งาน Storage ในรูปแบบของอุปกรณ์ที่เรียกว่า Hard disk ที่เป็นหนึ่งในพื้นฐานของการเก็บข้อมูล นับเป็นเรื่องมากมายในวงการไอที ด้วยความจุที่ใหญ่และความเสถียร หลังจากนั้นก็เกิดการพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ๆ อย่าง SSD (Solid State Drive) ที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมกับความทนทานและการสามารถใช้งานในพื้นที่จำกัดได้ นอกจากนี้ยังมี Flash Drive และ microSDXC ซึ่งเป็น Storage ขนาดเล็กที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ให้ความสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้งานในชีวิตประจำวัน เราสามารถเห็นถึงความหลากหลายของ Storage ที่ให้บริการในรูปแบบและขนาดต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันในแต่ละขนาดของ Storage เพื่ออธิบายความสามารถและคุณสมบัติของแต่ละชนิดอย่างถูกต้องและชัดเจน เช่น มีการเรียก SSD ว่า “ดิสก์ที่ไม่ใช่แผ่น” เพราะไม่ใช่การใช้แผ่นหมุนหรือมีการเรียก Flash Drive ว่า “ไดรฟ์แฟลช” เนื่องจากใช้เทคโนโลยีแฟลชเพื่อเก็บข้อมูล นับเป็นเพียงต้นฉบับของประวัติศาสตร์ของ Storage ที่ยังคงพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทุกวันนี้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดได้เป็นอย่างดี
ประวัติของ Storage Magnetic Tape Storage จากปี 1952 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 2 MB
การเก็บข้อมูลได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1952 เมื่อ IBM ได้เปิดตัว magnetic tape drive ซึ่งเป็นการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ magnetic tape ซึ่งมีความจุเพียง 2 MB เท่านั้น แม้ว่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจะน้อย แต่เทคโนโลยีนี้กลับเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดเก็บข้อมูลแบบแม่เหล็กอย่างกว้างขวาง โดยมีการใช้ในระบบประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของ IBM 701 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในยุคนั้น เมื่อ magnetic tapes สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้ในอัตรา 12,500 ตัวอักษรต่อวินาที และมีความจุมากกว่า 2 ล้านตัวอักษรต่อเทป มันถูกใช้ในการจัดเก็บข้อมูลใหญ่โตสำหรับโปรแกรมและข้อมูล หรือเป็นหน่วยอินพุตความเร็วสูงสำหรับข้อมูลที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ในม้วนเทปแม่เหล็ก
ประวัติของ Storage IBM 305 RAMAC จากปี 1956 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 5 MB
การพัฒนา Storage ยังได้เรียกความสนใจอย่างมากในช่วงต้นทศวรรษ 1950 โดย IBM เปิดตัว IBM 305 RAMAC ในปี 1956 ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความจุ 5 MB เท่านั้น มีชื่อเต็มว่า “Random Access Method of Accounting and Control” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจสำหรับคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์ในช่วงต้นของยุค 1960 นักวิจัยที่เป็นผู้นำในการคิดค้นอุปกรณ์นี้คือ Rey Johnson ที่เป็น “บิดา” ของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบเครื่องกลไฟฟ้าที่ใช้การเก็บข้อมูลแบบ Magnetic storage โดยการใช้จานหมุนควบคุมด้วยมั่วด้วยความเร็วสูงและเขียนอ่านข้อมูลด้วยเข็ม นี่เป็นการเก็บข้อมูลแบบ Random access ซึ่งสามารถจัดเก็บข้อมูลในลำดับใดก็ได้ และเป็น Non-volatile memory ที่เก็บข้อมูลไว้แม้จะปิดเครื่อง โดยมีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อยมากในปัจจุบัน
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของ Storage ตั้งแต่สมัยแรก ๆ จนถึงปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าสนใจและยากจะไม่สนใจ โดยทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอทีที่เติบโตอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับความต้องการของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประวัติของ Storage Dysan CE Disk pack จากปี 1970 ที่จัดเก็บข้อมูลอยู่ที่ 200 MB
ในปี 1970 ของ Storage Dysan CE Disk pack จัดเก็บข้อมูลได้ที่ 200 MB มาพร้อมกับเคสกันกระแทกป้องกัน เป็นแผ่นดิสก์ถอดได้ที่มีการจัดกลุ่มเลเยอร์ของแผ่นดิสก์ Hard disk drive platter แบบใหม่ ๆ รุ่น Disk Pack เป็นแบบถอดได้และมีการออกแบบให้ถอดออกและพกพาได้ โดยวิศวกรของ IBM engineers R. E. Pattison ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LCF (Low Cost File) ที่นำโดย Jack Harker ดิสก์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 14 นิ้ว (356 มม.) รุ่นแรกใช้งานในปี 1968 แต่ละแผ่นมี 20 เซกเตอร์ แต่ละเซกเตอร์มีอักษร 100 ตัว และสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ที่ 50 Kbps ซึ่งถือเป็นที่เก็บข้อมูลรุ่นแรกที่สามารถถอดออกและพกพาได้ โดยที่ไม่มีขนาดใหญ่เทอะทะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า
ในปี 1980 พบการพัฒนา HDD SEAGATE 5.25 ที่เป็นมาตรฐานสำหรับ PC ขนาด 5 MB โดย James Porter นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมและประธานบริษัท ได้กล่าวถึงการแนะนำเครื่อง Storage รุ่น ST506 ขนาด 5.25 นิ้ว ที่เก็บข้อมูลได้ 5 MB ในปี 1980 ว่า “เป็นรุ่นที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม” นี่เป็นการพัฒนาที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมในยุคนั้น เนื่องจากเป็นมาตรฐานสำหรับ PC และมีความจุที่ใหญ่ขึ้นในการเก็บข้อมูล เป็นเครื่องหมายของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมของ Storage
ประวัติของ Storage SEAGATE 5.25-INCH HDD จากปี 1980 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 5 MB
ในปี 1970 ของ Storage Dysan CE Disk pack จัดเก็บข้อมูลได้ที่ 200 MB มาพร้อมกับเคสกันกระแทกป้องกัน เป็นแผ่นดิสก์ถอดได้ที่มีการจัดกลุ่มเลเยอร์ของแผ่นดิสก์ Hard disk drive platter แบบใหม่ ๆ รุ่น Disk Pack เป็นแบบถอดได้และมีการออกแบบให้ถอดออกและพกพาได้ โดยวิศวกรของ IBM engineers R. E. Pattison ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LCF (Low Cost File) ที่นำโดย Jack Harker ดิสก์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 14 นิ้ว (356 มม.) รุ่นแรกใช้งานในปี 1968 แต่ละแผ่นมี 20 เซกเตอร์ แต่ละเซกเตอร์มีอักษร 100 ตัว และสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ที่ 50 Kbps ซึ่งถือเป็นที่เก็บข้อมูลรุ่นแรกที่สามารถถอดออกและพกพาได้ โดยที่ไม่มีขนาดใหญ่เทอะทะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า
ในปี 1980 พบการพัฒนา HDD SEAGATE 5.25 ที่เป็นมาตรฐานสำหรับ PC ขนาด 5 MB โดย James Porter นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมและประธานบริษัท ได้กล่าวถึงการแนะนำเครื่อง Storage รุ่น ST506 ขนาด 5.25 นิ้ว ที่เก็บข้อมูลได้ 5 MB ในปี 1980 ว่า “เป็นรุ่นที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม” นี่เป็นการพัฒนาที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมในยุคนั้น เนื่องจากเป็นมาตรฐานสำหรับ PC และมีความจุที่ใหญ่ขึ้นในการเก็บข้อมูล เป็นเครื่องหมายของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมของ Storage
IBM 3380 HDA จากปี 1980 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 1 GB
ในปี 1980 IBM เปิดตัวฮาร์ดไดร์ฟกิกะไบต์แรกในโลก โดยชื่อ IBM 3380 ซึ่งมาพร้อมกับชุดฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 1 GB แบบถอดได้ ซีรีส์ 3380 ถือเป็นความละเอียดการจัดเก็บข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์ในยุคนั้น รุ่นแรกของซีรีส์ 3380 ประกอบด้วยฮาร์ดไดรฟ์สองตัว แต่ละอันมีความจุประมาณ 1.26 GB ดิสก์ดีกรีดังกล่าวเป็นที่รู้จักในยุคนั้นโดยมีขนาดมาตรฐานสำหรับดิสก์ระดับ Hi-End เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความก้าวหน้าในการจัดเก็บข้อมูลในสมัยนั้น
Symmetrix 1 จากปี 1991 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 2 GB
Symmetrix 1 จาก EMC ปี 1991 เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีความจุสูงสุดถึง 2 GB และมีหน่วยความจำ 256 MB ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญของ EMC ในยุค 1990s ซึ่ง Symmetrix 1 เป็นตัวแรกที่มีความจุน้อยกว่า USB ทั่วไปในปัจจุบัน การพัฒนานี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ EMC เติบโตอย่างรวดเร็วในยุค 1990s
Secure Digital จากปี 1999 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 152 MB
ในปี 1999 Secure Digital (SD) ได้เปิดตัวเป็นการ์ดหน่วยความจำสำหรับใช้กับอุปกรณ์พกพา และมาพร้อมกับความจุ 152 MB ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่พัฒนาโดย Secure Digital (SD) และเป็นการปรับปรุงของมัลติมีเดียการ์ด (MMC) โดยมีการ์ด 4 ตระกูลใน 3 ขนาด ซึ่งสามารถทำงานได้กับอุปกรณ์ที่รองรับการ์ดขนาดใหญ่กว่าได้
Trek USB ThumbDrive จากปี 2000 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 32 MB
ในปี 1999 การ์ดหน่วยความจำรูปแบบใหม่ Secure Digital (SD) ถูกเปิดตัวเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพา มาพร้อมกับความจุที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบด้วยตระกูลการ์ด 4 ตระกูลใน 3 ขนาด การ์ดความจุมาตรฐานดั้งเดิม (SDSC), การ์ดความจุสูง (SDHC), การ์ดความจุขยาย (SDXC), และเอสดีไอโอ (SDIO) มีความสามารถหลากหลาย เช่น Wi-Fi, Bluetooth, การสื่อสารระยะใกล้ (NFC), และ solid-state drives (SSDs) การ์ดหน่วยความจำในขนาดดั้งเดิม, ขนาดมินิ, และขนาดไมโคร ที่สามารถเสียบเข้ากับตัวอะแดปเตอร์และทำงานกับอุปกรณ์ที่รองรับการ์ดขนาดใหญ่กว่าได้
ในปี 2000 Trek ได้เปิดตัว ThumbDrive ที่งานแสดงสินค้า CeBIT เก็บข้อมูลได้ 32 MB การันตีความสำเร็จของ ThumbDrive ได้เป็นแรงผลักดันให้ Trek เข้าสู่เวทีโลก พอโลกของแฟลชไดรฟ์เปิดออกมา นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้สร้างแอปพลิเคชันพื้นฐาน ทำให้แฟลชไดรฟ์เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก
Seagate Microdrive จากปี 2009 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 5 GB
ในปี 2009 Seagate ได้เปิดตัว Microdrive ที่เก็บข้อมูลได้ 5 GB หลายๆ คนคงยังจำ IBM กับไมโครไดรฟ์ขนาด 1 นิ้ว ที่เปิดตัวในปี 1999 ซึ่งเป็นหนึ่งในฮาร์ดไดร์ฟขนาดใหญ่ที่เป็นที่นิยม มีการพัฒนาต่อยอดในขนาดของพื้นที่เก็บข้อมูลที่เล็กลง ในขณะที่รัฐสภาของพื้นที่ใน Microdrive มีขนาดที่พอเพียงสำหรับวิดีโอ HD มากกว่า 13 ปี แต่แรงดันจาก NAND flash storage ทำให้ไมโครไดรฟ์ต้องหยุดผลิตในปี 2009
IBM TS3500 Tape library ปี 2013 ที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 125 PB
ในปี 2013 IBM เปิดตัว TS3500 Tape library ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ 125 PB ถือเป็นตัวเลือกสำหรับการสำรองข้อมูลและการเก็บถาวร โมดูลเริ่มต้นมีความจุและสามารถขยายได้ถึง 16 เฟรมไลบรารี พร้อมกับรองรับ TS1140 เทปไดรฟ์มากถึง 12 ตัว ซึ่งเทียบเท่ากับเก็บข้อมูลมากกว่า 1PB สามารถใช้งานได้มากถึง 2.7 Exabytes ในปัจจุบัน Storage มีหลายแบบและขนาด เช่น M.2 (SSD) ที่เก็บข้อมูลได้อย่างมากและรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในอุตสาหกรรม Storage ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา
M.2 (SSD) ปี 2013 ที่เก็บข้อมูล
M.2 สามารถผสานการทำงานได้หลากหลายอุปกรณ์ เช่น Wi-Fi , Bluetooth , ระบบนำทางด้วยดาวเทียม , การสื่อสารระยะใกล้ (NFC), วิทยุดิจิตอล , WiGig , WAN ไร้สาย (WWAN) และsolid-state drives (SSDs) ข้อมูล จำเพาะของ SATA revision 3.2 เมื่อเดือนสิงหาคม 2013 ได้กำหนดมาตรฐาน M.2 ให้เป็นรูปแบบใหม่สำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เป็นที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน M.2 สามารถเก็บข้อมูลได้มากมีประสิทธิที่รวดเร็ว และเป็นที่นิยมในวงกว้าง