“ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา, เราไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลไปสู่ยอดภูทางเหนือของประเทศ เพื่อที่จะสัมผัสอากาศเย็น ๆ และทะเลหมอกอันงดงาม แต่ถ้าคุณยังไม่ได้รับพอใจกับความเย็นในอากาศ คุณก็สามารถรีบเตรียมกระเป๋าเดินทางของคุณและไปสนุกกับการท่องเที่ยวทางภูเขาและดอยต่าง ๆ เพื่อรับรสชาติของอากาศหนาวที่สมบูรณ์แบบ ก่อนที่หน้าหนาวนี้จะสิ้นสุดลงนะคะ
ทะเลหมอกคืออะไร?
ทะเลหมอกและหมอกทั้งสองนี้มีรากฐานเดียวกัน คือเกิดจากอุณหภูมิของอากาศที่ลดลงมากจนต่ำกว่าจุดน้ำค้าง, ซึ่งทำให้ไอน้ำเปลี่ยนเป็นละอองน้ำขนาดเล็ก ในบรรยากาศใกล้ผิวโลก
หมอกคือเมฆที่เกิดในระดับใกล้พื้นโลก
ในทางตรงกันข้าม, หมอกน้ำค้าง (Mist) คือน้ำในอากาศหรือไฮโดรมีทิเออร์ (hydrometeor) ที่ประกอบด้วยละอองน้ำเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หมอกน้ำค้างมักจะสร้างมุมมองที่ลดลงของผิวโลก, ทำให้มองเห็นได้ไกลไปน้อยกว่า 1 กิโลเมตร ความชื้นสัมพัทธ์ในหมอกน้ำค้างมักจะน้อยกว่า 95%
หมอกน้ำค้าง (Mist) – BR เป็นน้ำในอากาศหรือไฮโดรมีทิเออร์ (hydrometeor) ที่ประกอบด้วยละอองน้ำ เล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือละอองน้ำดูดความชื้น (hydroscopic water droplets) ลอยอยู่ในอากาศ หมอกน้ำค้างมีลักษณะเช่นเดียวกับหมอก, แต่บางกว่า เมื่อมีหมอกน้ำค้างเกิดขึ้น, มักจะแสดงเป็นม่านบางสีเทาที่คลุมบนพื้นที่แห่งนั้น ๆ, ทำให้มองเห็นได้ไกลไปน้อยกว่า 1 กิโลเมตร ความชื้นสัมพัทธ์ในหมอกน้ำค้างมักจะน้อยกว่า 95%
หมอกเป็นหย่อม(Fog patches) – BCFG เป็นหมอกที่กระจายออกไปเป็นแนวไม่สม่ำเสมอ, เป็นหมอกๆ
หมอกตื้น (Shallow Fog) – MIFG เป็นหมอกที่ปกคลุมพื้นดินต่ำกว่า 2 เมตร
หมอกบางส่วน (Partial fog) – PRFG เป็นหมอกที่ปกคลุมบางส่วนของทางวิ่ง (Runway)
การเกิดหมอกมีลักษณะการเกิดคล้ายเมฆ, ทุกประเภทของหมอกจะเกิดเมื่ออุณหภูมิอากาศมีค่าเท่ากับจุดน้ำค้าง, ทำให้อากาศอิ่มตัว(saturate) และเกิดการกลั่นตัว (condense) ให้เป็นละอองน้ำเล็ก ๆ”
หมอกสามารถแบ่งออกตามลักษณะการเกิด ดังนี้
“หมอกเป็นปรากฏการณ์ทางอากาศที่น่าสนใจและมีลักษณะการเกิดที่หลากหลาย มันสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการเกิดต่าง ๆ ดังนี้
1. หมอกที่เกิดจากการเย็นตัวของอากาศ (Cooling fog): เป็นหมอกที่เกิดขึ้นภายในมวลอากาศ บางครั้งเรียกว่า “Air mass fog” แบ่งออกเป็นหมอกที่เกิดจากการแผ่รังสีความร้อน (Radiation fog), หมอกที่เกิดจากการพาความร้อนในแนวนอน (Advection fog), และหมอกลาดเนินเขา (Up-slope fog)
1.1 หมอกที่เกิดจากการแผ่รังสีความร้อน (Radiation fog): เกิดเหนือพื้นดินในเวลากลางคืน และจางหายไปในเวลาเช้า โดยมักเกิดในวันที่อากาศดี, ท้องฟ้าแจ่มใส, ลมอ่อน, และอากาศชื้นสูง
1.2 หมอกที่เกิดจากการพาความร้อนในแนวนอน (Advection fog): เกิดในชั้นต่ำของมวลอากาศชื้นซึ่งเคลื่อนที่ไปบนผิวพื้นที่เย็นกว่า จากนั้นไอน้ำกลั่นตัวกลายเป็นหมอก, เช่นหมอกทะเล (sea fog)
1.3 หมอกลาดเนินเขา (Up-slope fog): เกิดตามลาดเนินเขาด้านรับลม, เนื่องจากอากาศยกตัวสูงขึ้นตามลาดเขาทำให้เกิดการกลั่นตัวแบบแอเดียแบติคแล้วเย็นลงจนกว่าจะถึงอุณหภูมิจุดน้ำค้าง
2. หมอกที่เกิดจากการระเหย (Evaporation fog): เกิดโดยการระเหยอย่างรวดเร็วของน้ำจากผิวหน้าน้ำที่อุ่น, กระจายเข้าไปในมวลอากาศเย็นและมีเสถียรภาพ
2.1 หมอกในแนวปะทะอากาศ (Frontal fog): เกิดในบริเวณแนวปะทะอากาศ, แบ่งเป็นหมอกก่อนแนวปะทะอากาศอุ่น, หลังแนวปะทะอากาศเย็น, และขณะแนวปะทะอากาศเคลื่อนผ่าน
2.2 หมอกไอน้ำ (Steam fog): เกิดจากการระเหยเข้าไปหรือเพิ่มเข้าไปในอากาศซึ่งเย็นจัดกว่ามากและมีการทรงตัวดี, เช่นเมื่อมวลอากาศเคลื่อนผ่านแนวน้ำแข็งก่อนจะผ่านไปเหนือผิวทะเลที่อุ่น
การพยากรณ์หมอกมีความสำคัญ เนื่องจากหมอกมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการเดินทาง ความรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขทางอากาศที่ทำให้เกิดหรือสลายตัวได้จึงมีประโยชน์ในการวางแผนและปรับการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ”
หมอกทะเล และทะเลหมอกแตกต่างกันอย่างไร เกิดขึ้นได้ที่ใดบ้างในประเทศไทย
“การแยกแยะระหว่างหมอกทะเลและทะเลหมอกนั้นมีความแตกต่างที่น่าสนใจทั้งในลักษณะการเกิดและตำแหน่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
หมอกทะเล เป็นหมอกชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นด้วยการเคลื่อนที่ของมวลอากาศในแนวนอน มักเกิดเหนือผิวน้ำทะเล โดยที่อากาศที่อยู่เหนือผิวน้ำที่อุ่นจะเคลื่อนที่ไปยังผิวน้ำที่เย็นกว่า ทำให้อากาศข้างล่างเย็นลงต่ำกว่าจุดน้ำค้าง ทะเลหมอกมักเกิดในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น หลังฝนตกและในฤดูหนาว
ทะเลหมอกปกคลุมพื้นที่กว้างในหุบเขาต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน, ตาก, และเชียงราย เป็นต้น
ทะเลหมอก มักเกิดขึ้นจากการเย็นตัวของไอน้ำในอากาศอย่างรวดเร็ว โดยที่อุณหภูมิที่มวลอากาศชื้นควบแน่นกลายเป็นละอองน้ำหรือหยดน้ำ เรียกว่าจุดน้ำค้าง (Dew Point) ทะเลหมอกเกิดเมื่อไอน้ำรวมตัวกลายเป็นหมอก และมักเกิดในสภาพที่มีความชื้นส่วนเยอะ เช่น หลังฝนตกหรือในช่วงฤดูหนาว
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดทะเลหมอกคือการเย็นตัวของไอน้ำในอากาศอย่างรวดเร็ว และปัจจัยที่ทำให้มีการมองเห็นทะเลหมอกได้อย่างชัดเจนคือ การมีทั้งหมอกที่คละคลุ้งอยู่รอบด้านและระดับสายตาของผู้มองต้องค่อนข้างชัดเจน
ในขณะที่ทะเลหมอกสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายสถานที่ของประเทศไทย, แต่การเกิดทะเลหมอกนั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยสำคัญสองอย่างนี้ คือ การเกิดหมอกและทัศนวิสัยที่ระดับสายตาของผู้มอง”