Tornado: พายุหมุนที่มีความรุนแรง
Tornado, หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า “tornado”, เป็นพายุหมุนขนาดเล็กที่มักก่อตัวเหนือพื้นแผ่นดิน แต่ก็อาจเกิดขึ้นเหนือพื้นน้ำได้ด้วย มักเกิดในเวลากลางวัน และเป็นพายุที่มีความเร็วลมสูงมาก โดยทั่วไปอาจมีความเร็วลมมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของพายุไม่มากนัก
พายุเทอร์นาโดสร้างจากเมฆที่ก่อตัวอย่างแน่นหนา โดยมีลักษณะเป็นลมงวงที่หมุนลงมาจากฐานเมฆสู่พื้นโลก เคลื่อนตัวมาพร้อมกับเสียงหวีดในอากาศ แล้วตามด้วยเสียงอึกทึกของท้องฟ้า พายุเทอร์นาโดสามารถทำความเสียหายให้กับสิ่งต่างๆ ในแนวที่พายุเคลื่อนผ่าน ซึ่งเทอร์นาโดจะสลายตัวรวดเร็วภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที
แม้ว่าพายุเทอร์นาโดส่วนใหญ่จะเกิดในสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีการรายงานเกี่ยวกับการเกิดพายุในทุกทวีป โดยมีปริมาณประมาณ 800-1000 ลูกต่อปี นอกจากนี้ ถ้าพายุเทอร์นาโดเกิดเหนือพื้นน้ำ จะดูดเอามวลน้ำพุ่งขึ้นไปเป็นลำสูงขึ้นไปหลายสิบเมตร ซึ่งเรียกว่า “พวยน้ำ”
ลมงวง หรือ ทอร์นาโด (อังกฤษ: tornado) เป็นพายุที่เกิดขึ้นจากการหมุนของอากาศ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะ แต่ลักษณะที่พบได้บ่อยที่สุดคือลักษณะรูปทรงกรวย โดยส่วนปลายโคนจะชี้ลงที่พื้น ลมงวงสามารถก่อให้เกิดพลังทำลายได้สูง โดยความเร็วลมสามารถสูงมากถึง 500 กม/ชม (300 ไมล์/ชม) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการพังทลายของสิ่งก่อสร้างได้
แม้ว่าลมงวงส่วนใหญ่จะเกิดในสหรัฐอเมริกา แต่มันยังสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกทวีปและหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่นมีการเกิดลมงวงประมาณ 20 ครั้งต่อปี
พายุหมุนหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “tornado” เป็นนักศึกษาภาษามาจากคำว่า “tronada” ในภาษาสเปน ซึ่งมีความหมายว่า พายุฝนฟ้าคะนอง ที่มีการเกิดขึ้นจากการหมุนของอากาศ ซึ่งมักเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากและสามารถก่อให้เกิดความเสียหายได้มากไม่น้อย
การเกิดขึ้นของทอร์นาโด: พายุที่มีความน่าเกิดจากความแตกต่างของลมร้อนและลมเย็น
ทอร์นาโดมีการเกิดขึ้นจากการสร้างของลมร้อนและลมเย็นที่มาชนกัน ซึ่งทำให้เกิดการหมุนของลมและพายุหมุนเกิดขึ้น การหมุนของลมในระดับที่ไม่คงที่ทำให้ปลายข้างหนึ่งสัมผัสกับพื้นดิน ทำให้เกิดทอร์นาโด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ในบริเวณที่มีภูมิประเทศที่เป็นที่พอใจสำหรับการประดิษฐ์ลมร้อนและไอเย็นเจอกันในทุ่งราบ
ทอร์นาโดมีระดับหลายระดับตามความแรงและความเร็วของลม โดยใช้มาตรฐาน Fujita scale ในการจำแนก โดยระดับ F0 – F5 โดยที่ F0 เป็นทอร์นาโดที่อ่อนแอที่สุดและ F5 เป็นทอร์นาโดที่มีความแรงมากที่สุด
จากการสำรวจสถิติพบว่า จากทุก ๆ พายุทอร์นาโด จำนวนประมาณ 1,000 ครั้ง มี F0 ประมาณ 389 ครั้ง, F1 ประมาณ 356 ครั้ง, F2 ประมาณ 194 ครั้ง, F3 ประมาณ 49 ครั้ง, F4 ประมาณ 11 ครั้ง และ F5 ประมาณ 1 ครั้ง
ความแรงของพายุมีผลต่อขนาดและความเสียหาย พายุระดับ F0-F1 อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 100 เมตรและเคลื่อนตัวไม่กี่กิโลเมตรก็สามารถสลายไปได้ ในขณะที่พายุระดับ F5 อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า 1,600 เมตรและเคลื่อนตัวมากกว่า 100 กิโลเมตรก่อนจะสลายตัว พายุที่มีระดับสูงกว่านี้ทำให้พายุมีขนาดใหญ่และสลายช้าขึ้น
ในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1925 ในสหรัฐอเมริกา เกิดพายุทอร์นาโดพร้อมกัน 9 ลูก ซึ่งมีพายุ F2 2 ลูก, F3 4 ลูก, F4 2 ลูก และ F5 1 ลูก ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงในรัฐมิสซูรี, อิลลินอยส์, อินดีแอนา, เคนทักกี, เทนเนสซี, แอละแบมา และแคนซัส มีผู้เสียชีวิตกว่า 747 คน ซึ่งในจำนวนนั้น เฉพาะพายุระดับ F5 เพียงลูกเดียวนั้น คร่าชีวิตผู้คนไป 695 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากพายุลูกอื่นๆ อีก 8 ลูก รวมกัน ได้เพียง 50 กว่าคนเท่านั้น ทำให้พายุ F5 ลูกนั้นที่เกิดขึ้นเป็นพายุทอร์นาโดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
สาเหตุและการเกิดของทอร์นาโด
ทอร์นาโดเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มของอากาศที่อุ่นกว่าลอยผ่านเข้ามาใต้กลุ่มของอากาศที่เย็นกว่า การนี้ทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศหมุนเวียนกันในเขตจำกัด และใกล้ๆ จุดศูนย์กลางของทอร์นาโด จะมีกระแสลมหมุนเร็วมากซึ่งทำให้เกิดลมหมุนสูงขึ้นไปในท้องฟ้า หลังจากนั้นลมหมุนจะค่อยๆ ช้าลงเมื่อมองจากด้านข้าง แต่อย่างไรก็ตามขอบนอกยังคงมีพลังพอที่จะทำลายบ้านและสิ่งปลูกสร้างได้อย่างง่ายดาย
ทอร์นาโดเกิดขึ้นเมื่อลมร้อนและลมเย็นมาเจอกันและเป็นที่เรียบร้อยในสหรัฐอเมริกา นั่นเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสร้างลมร้อนและไอเย็นที่ปะทะกัน และมีขนาดใหญ่แล้วเล็กลงตามอัตราการเกิดขึ้น
พายุทอร์นาโดเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ เนื่องมาจากสภาพภูมิประเทศของสหรัฐเอื้อต่อการเกิดพายุชนิดนี้
สาเหตุหลักที่ทอร์นาโดมักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสหรัฐอเมริกาคือสภาพภูมิประเทศที่เอื้อต่อการปะทะกันของอากาศร้อนและเย็น เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีพื้นที่ราบขนาดใหญ่ ทำให้ลมร้อนและลมเย็นมักจะปะทะกันในบริเวณที่กว้างขวาง การปะทะแบบนี้สร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการเกิดทอร์นาโด ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย
แถวทางทอร์นาโด (Tornado Alley) เป็นพื้นที่ที่เกิดทอร์นาโดบ่อยที่สุด อยู่ในภาคกลางของสหรัฐอเมริกา รวมถึงรัฐดาโคตา (Dakota), รัฐเนบราสก้า (Nebraska), รัฐแคนซัส (Kansas), รัฐโอคลาโฮมา (Oklahoma) ในภาคตอนเหนือของเท็กซัส (Texas) และภาคตะวันออกของรัฐโคโลราโด (Colorado) สถานที่เหล่านี้มักเป็นจุดที่ทอร์นาโดมักจะก่อตัว
นอกจากนี้ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทอร์นาโดมักจะเกิดในสหรัฐอเมริกามากกว่าที่อื่น คือขาดเทือกเขาที่วางตัวแนวขวางกั้นทางลม ทวีปยุโรปหรือทวีปเอเชียมีเทือกเขาที่เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายเทของลม ซึ่งช่วยลดการเกิดทอร์นาโดที่รุนแรงได้ แต่ในสหรัฐอเมริกา ไม่มีเทือกเขาที่มีอยู่แน่นอนที่จะขวางทางลม เป็นเหตุผลที่ทำให้ทอร์นาโดมักจะเกิดบ่อยขึ้นในประเทศนี้
การเกิดทอร์นาโดในเอเชีย
ในเอเชียก็มีทอร์นาโด เราไม่แปลกใจเมื่อพูดถึงพายุทอร์นาโดในทวีปเอเชีย ญี่ปุ่นและจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่เคยเผชิญกับพายุหมุนทอร์นาโดมาก่อน ตามรายงานจากสำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่น มีการบันทึกจำนวนพายุหมุนทอร์นาโดที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ประมาณ 55 ลูกต่อปี โดยเกือบ 40% ของพายุหมุนทอร์นาโดเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม มีสองปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดพายุหมุนทอร์นาโด ได้แก่ 1) สภาพอากาศที่เหมาะสมที่ถูกกระตุ้นโดยพายุไต้ฝุ่น และ 2) มวลอากาศเย็นจากไซบีเรียที่เคลื่อนลงมาในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงทำให้เกิดสภาพอากาศที่แปรปรวน
การหลุดเข้ามาของกระแสอากาศเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเกิดพายุหมุนทอร์นาโดในเอเชีย นอกจากนี้ ลมในแนวราบที่พัดเข้ามาใกล้พื้นดินเป็นปัจจัยอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เช่นเดียวกับในพื้นที่ราบของภูมิภาคคันโตของญี่ปุ่น ที่เป็นแหล่งเกิดพายุหมุนทอร์นาโดอย่างมาก เนื่องจากลมทะเลที่มีความชื้นซึ่งพัดมาจากชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของจังหวัดชิบะและอิบารากิ หรือจากอ่าวโตเกียว มาปะทะกับลมเย็นแห้งที่เคลื่อนจากภูเขามายังฝั่งตะวันตกของพื้นที่ราบภูมิภาคคันโต การปะทะที่ทำให้เกิดกระแสลมหมุนที่ส่งผลให้เกิดพายุหมุนทอร์นาโดได้
ในส่วนของโลกอื่น ๆ เช่น บังกลาเทศ มีปัจจัยคล้ายกันอย่างมวลอากาศร้อนชื้นจากอ่าวเบงกอลและมวลอากาศเย็นแห้งจากเทือกเขาหิมาลัย แต่ขาดการเดินทางของมวลอากาศทั้งสอง ซึ่งทำให้บังกลาเทศมีโอกาสเกิดทอร์นาโดได้แต่ไม่ถี่นัก เช่นเดียวกับพื้นที่อื่น ๆ ของโลก เช่น ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน และแอฟริกา ฯลฯ ที่มีโอกาสเกิดทอร์นาโดได้เช่นกัน แต่ไม่มากเท่าสหรัฐอเมริกา ดังนั้น สหรัฐอเมริกา จึงมีจำนวนทอร์นาโดเฉลี่ยมากกว่า 1,000 ลูกต่อปี ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งในโลกทั้งหมด
การรับมือกับทอร์นาโด: คำแนะนำในการปฏิบัติ
เมื่อต้องเผชิญกับพายุทอร์นาโด สิ่งสำคัญที่สุดคือการอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัยทันที คุณควรหาอาคารที่มั่นคงและเชื่อถือได้เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายได้ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การหนีออกจากพายุทอร์นาโดหมายความว่าคุณมีเวลาน้อยมากเพียงไม่กี่นาทีหรือบางครั้งแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น หากคุณไม่สามารถหนีออกไปได้ในเวลาที่มี คุณจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับพายุที่มาถล่มบ้านของคุณ
เมื่อต้องปกป้องตัวเองจากพายุทอร์นาโดในบ้านของคุณ คุณควรปิดม่านและประตูให้แน่นพอที่จะป้องกันลมพัดเข้ามา นอกจากนี้คุณยังควรห่างหรือปิดประตูหรือหน้าต่างที่อาจกั้นทางหรือป้องกันคุณออกไป เพื่อปกป้องกายภาพของคุณจากสิ่งของที่อาจถล่มมาหรือกระแทกเข้ามาในบ้าน
อีกสิ่งสำคัญหนึ่งคือการเลือกที่อยู่ในบ้านของคุณ การอยู่ชั้นล่างสุดของบ้านจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุด หากบ้านของคุณมีชั้นใต้ดิน ให้ไปยังนั้นโดยทันที เพราะนี่เป็นที่ที่สุดในการป้องกันตัวจากพายุทอร์นาโด แต่หากไม่มีชั้นใต้ดิน ให้ไปยังห้องน้ำหรือห้องสุขาที่ไม่มีหรือมีน้อยที่สุดช่องระบายอากาศ เพื่อป้องกันจากความเสี่ยงของวัตถุที่ถูกพัดพลาด
หากคุณอยู่ในสถานที่สาธารณะหรืออาคารอื่น ๆ เช่น สำนักงาน โรงเรียน หรือร้านค้า คุณควรเตรียมตัวด้วยอุปกรณ์ป้องกันศีรษะเสมอ หากอาคารถูกพัดพลาดในพายุทอร์นาโด ให้พยพออกไปยังชั้นใต้ดินหรือบันไดฉุกเฉิน หรือชานบันไดภายในอาคารที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุด และหากคุณกำลังขับรถ หยุดรถที่จอดที่ไม่ได้ขวางทางและหลีกเลี่ยงต้นไม้หรือสายไฟที่อาจถูกพัดลงหรือกระแทกอยู่ แล้วพบสถานที่ที่มั่นคงและแข็งแรงโดยเร็วที่สุด ตัวอย่างเช่น อาคารที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก