“ขนมตดหมา” หรือที่เรียกว่า “นุมเวือระพอม” ในภาษาเขมรถือเป็นขนมที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวอีกครั้งในปัจจุบันนี้ เราจะสำรวจเรื่องราวของต้นตดหมา พืชสมุนไพรที่นำมาใช้ในการทำขนมตดหมา รวมถึงขั้นตอนการทำขนมตดหมาตามตำรับของชนบท
สรรพคุณและประโยชน์ของต้นตดหมา
“เครือตดหมา” เป็นพืชไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่ในบางพื้นที่จะเรียกว่า ต้นกระพังโหม ขึ้นได้ทั่วไปในป่าผสมผลัดใบและป่าเต็งรัง มีกลิ่นเหม็นคล้ายตด ถึงแม้กลิ่นจะไม่น่าพิสมัย แต่เครือตดหมามีประโยชน์สรรพคุณทางยามากมาย ทั้งเป็นยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยระบายความร้อนในร่างกาย ช่วยขับลม และย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคดีซ่านและเบาหวานได้ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด มีผลต่อการสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังมีผลในการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น ทั้งนี้ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกด้วย
ขั้นตอนและวิธีการทำขนมตดหมา
ขนมตดหมา หรือ นุมเวือระพอม มีลักษณะหน้าตาคล้ายขนมจาก แต่แตกต่างตรงที่ขนมตดหมาถูกห่อด้วยใบตองสด ซึ่งข้างในประกอบด้วยส่วนผสมของแป้ง, น้ำตาล, เนื้อมะพร้าวอ่อน, กะทิสด, และส่วนผสมที่สำคัญที่สุดคือราก ‘เครือตดหมา’ ที่ถูกหั่นเป็นแว่นแล้วตากแดดจนได้น้ำเครือตดหมาที่นำมาต้มเพื่อให้ได้น้ำเครือตดหมาที่ใส่ไว้ในส่วนผสมทั้งหมด
ขั้นตอนการทำขนมตดหมา : เริ่มจากการคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นพักไว้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้แป้งขึ้น หลังจากนั้นจึงนำเนื้อขนมมาห่อในใบตองในขนาดที่เหมาะ เพื่อนำไปย่างบนเตาไฟให้สุก
เมื่อแกะออกมาดู จะพบว่าเนื้อแป้งมีความแห้งเกรียม แต่กลับมีความนุ่มลิ้นเป็นพิเศษ การเคี้ยวอย่างละเลียดจะสัมผัสถึงความเหนียวนุ่มของแป้ง พร้อมกับความกรอบของมะพร้าวอ่อนที่ไม่เหนียวและแข็งจนเกินไป ทำให้ขนมตดหมา หรือ นุมเวือรพอม มีรสชาติหวานมัน กลมกล่อม และหอมกลิ่นจาง ๆ ของรากตดหมา เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างมีเสน่ห์
ก่อนหน้านี้ขนมตดหมาเป็นขนมที่หากินยาก จะมีเฉพาะคนไทยเชื้อสายเขมร หรือเขมรถิ่นไทยอีสานใต้ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ที่ทำกิน แต่ปัจจุบันนี้หารับประทานได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นขนมขึ้นชื่อของชุมชนท่องเที่ยวบ้านสนวนนอก ต.สนวน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนท่องเที่ยวบ้านสนวนนอก ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองชิมรสของขนมตดหมา ซึ่งเป็นขนมที่มีกลิ่นหอมและมีรสชาติอร่อย แม้จะมีชื่อเรียกที่ไม่ไพเราะนักก็ตาม
