การเลือกร่มกันแดด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในปกป้องผิวและลดความร้อน

อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยมีอากาศร้อนตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่แดดมีความแรงมากเป็นพิเศษ สิ่งนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนต้องพึ่งร่มกันแดดเมื่อต้องออกนอกบ้าน เพราะแสงแดดไม่เพียงแต่ทำให้ผิวหนังเสีย แต่ยังเป็นตัวเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังจากรังสี UV ด้วย เมื่อต้องการเลือกร่มกันแดดที่เหมาะสม ควรทราบว่ามีหลายประเภทของร่ม เช่น ร่มกันแดดและกันฝน ทำให้การเลือกซื้อเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้น บทความนี้จะแนะนำวิธีการเลือกร่มกันแดดที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของคุณ เพื่อปกป้องตัวคุณจากรังสี UV และแดดร้อนที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

ประโยชน์ของร่มกันแดดมีอะไรบ้าง?

ร่มกันแดดมีประโยชน์มากมายที่สามารถช่วยปกป้องผิวของเราจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการทำให้ผิวสภาพเสีย โดยเฉพาะการทำให้ผิวขาดน้ำ หย่อนคล้อย และเกิดฝ้า กระ ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวมากขึ้น และส่งผลให้สีผิวเข้มขึ้นได้ นอกจากรังสี UV ร่มกันแดดยังช่วยป้องกันความร้อน ด้วยการให้เงาที่ช่วยลดอุณหภูมิในรอบๆ เรา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการป้องกันฮีทสโตรกและโรคลมแดด แม้วันที่แดดจ้าหรืออุณหภูมิสูง การใช้ร่มกันแดดสามารถช่วยทำให้เรารู้สึกสบายและปลอดภัยจากรังสีและความร้อนได้มากขึ้น

ร่มกันแดดที่ดูควรพิจารณาจากอะไรบ้าง?

การเลือกร่มกันแดดมีความสำคัญในการปกป้องผิวและสุขภาพของเราจากรังสีและความร้อนของแสงแดด นั่นเพราะแต่ละยี่ห้อของร่มมีคุณสมบัติและความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ข้อมูลและข้อสรุปที่เราได้รวบรวมไว้นี้จะช่วยให้คุณได้ทราบถึงปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกร่มกันแดดของคุณ

1. เลือกร่มกันแดด โดยพิจารณาจากขนาดและน้ำหนักของร่ม :

ถ้าคุณเลือกใช้ร่มขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถพับเก็บได้หรือเป็นร่มที่พับตอนเดียว ควรเลือกร่มที่มีขนาดประมาณ 80-100 ซม. โดยคล้ายกับร่มกันฝนทั่วไป ร่มแบบนี้มีโครงที่ใหญ่ทำให้มีรัศมีเงากว้าง ทำให้ช่วยป้องกันแสงแดดและรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความสะดวกในการพกพาเพิ่มเติมสำหรับร่มกันแดดที่พับได้ ควรเลือกขนาดประมาณ 15-22 ซม. เพื่อความสะดวกในการใช้งาน              และมีน้ำหนักประมาณ 250 กรัมหรือน้อยกว่า เพื่อให้การพกพาไม่เป็นภาระหนักและไม่ทำให้ไม่สะดวก เป็นทางเลือกที่ดีเนื่องจากร่มพับได้มักจะมีขนาดใบร่ม              ที่เล็กกว่า ทำให้มีโอกาสที่แสงแดดจะตกกระทบส่วนไหนได้มากกว่าร่มกันแดดขนาดใหญ่

2. เลือกร่มกันแดดที่มีสีเข้ม และเคลือบวัสดุตัดแสงยูวี :

  • ควรเลือกร่มกันแดดที่มีอัตราการตัดแสงยูวี (UV Cut) ระบุว่าเป็น 100% ซึ่งจะสามารถป้องกันแสง UV ได้มากที่สุด แต่ถ้าไม่มีข้อมูล UV Cut ก็ควรเลือกร่มที่มีสีเข้มหรือทึบ เช่น สีดำ, สีน้ำเงินเข้ม เพราะสีเข้มสามารถป้องกันรังสียูวีได้ดีกว่า
  • สีของร่ม: การเลือกสีร่มกันแดดมีผลต่อประสบการณ์การใช้งาน. ร่มสีเข้มสามารถดูดซับแสง UV และความร้อนได้ดี, แต่ควรหลีกเลี่ยงร่มสีขาว, สีครีม, หรือสีอ่อนที่มีความโปร่งใส
  • ตัวเคลือบยูวี: ร่มที่มีการเคลือบยูวีสามารถช่วยลดการดูดซับแสง UV และความร้อนได้ เคลือบสีดำจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการดูดซับแสงและความร้อน
  • ร่มสองชั้น: ร่มที่มีสองชั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการกันแสงยูวีและความร้อนได้ดีกว่า

3. เลือกร่มกันแดดที่พกง่าย ใช้สะดวก :

เนื่องจากอากาศเมืองไทยนั้นร้อนและมีแสงแดดจ้าตลอดทั้งปี จึงควรที่จะพกร่มทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน ซึ่งอาจจะเป็นร่มกันแดดแบบพับ เพราะพกพาสะดวก อาจดูด้ามจับหรือรอยพับว่าจับได้ถนัดมือหรือไม่ ส่วนรอยพับม้วนเก็บยากหรือไม่ หากใครที่ต้องการร่มกันแดดใช้ง่าย ก็ควรเลือกร่มอัตโนมติหรือแบบกดปุ่มกางร่มหรือพับเก็บอัตโนมัติ

4. เลือกร่มกันแดดที่สามารถใช้ได้ทั้งในฤดูและฤดูฝน :

ถึงแม้ประเทศไทยจะมีอากาศร้อนและแดดมากในส่วนมาก แต่ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมนั้นเป็นฤดูฝนที่สำคัญ ดังนั้น เพื่อให้คุณปรับตัวได้ตลอดทั้งปี ไม่เพียงแค่การกันแดดเท่านั้น แต่ยังควรพิจารณาในการเลือกใช้ร่มกันแดดที่สามารถป้องกันฝนและลมได้ดี

คุณควรเลือกร่มที่มีเคลือบกันน้ำทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้คุณได้รับความสะดวกสบายในทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ ควรพิจารณาในการเลือกร่มแบบไมโครไฟเบอร์ที่ยืดหยุ่นและแข็งแรง เพื่อทำให้ร่มสามารถทนต่อพายุหรือลมแรงได้

การเลือกร่มที่มีคุณสมบัติครบครันจะช่วยให้คุณใช้ร่มคันเดียวได้ทุกฤดู โดยไม่ต้องเปลี่ยนร่มใหม่บ่อยๆ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อร่มเพิ่มเติม