โรคมือเท้าปาก อาการ การติดต่อ การรักษา และวิธีป้องกัน

โรคมือเท้าปากในเด็ก: สิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อปกป้อง

โรคมือเท้าปากคืออะไร

โรคมือเท้าปากเป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยในเด็ก, โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี, และมักมีการระบาดช่วงฤดูฝน สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเตอโรไวรัส ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ โรคนี้ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง, แต่บางครั้งอาจเกิดพฤติกรรมรุนแรงและเสียชีวิตได้, โดยเฉพาะถ้ามีการติดเชื้อจากเชื้ออีวี 71 หรือ อีวี 71

การติดต่อโรคมือเท้าปาก

เชื้อไวรัสแพร่ผ่านทางระบบทางเดินอาหารและการหายใจ, สามารถติดต่อโดยตรงจากการสัมผัสน้ำมูก, น้ำลาย, และอุจจาระของผู้ป่วย นอกจากนี้, การสัมผัสผ่านของเล่น, มือผู้เลี้ยงดู, น้ำ, และอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ โรคมือเท้าปากมักระบาดในโรงเรียน, ชั้นอนุบาล, หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก, โรคนี้มีระยะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ แต่สามารถติดต่อกันได้โดยที่ยังไม่แสดงอาการ

โรคมือเท้าปาก: อาการที่ไม่ควรละเลยในเด็ก

อาการของโรคมือเท้าปาก

เด็กที่เป็นโรคมือเท้าปากมักมีไข้, เจ็บปาก, น้ำลายไหล, และทำให้กินอาหารลำบาก เนื่องจากมีแผลที่กระพุ้งแก้มและเพดานปาก ผื่นที่เป็นจุดแดงหรือตุ่มน้ำใสอาจปรากฏที่บริเวณฝ่ามือ, ฝ่าเท้า, รอบก้น, และอวัยวะเพศ โดยบางรายอาการอาจคงอยู่เป็นเวลา 2-3 วัน, และหายไปภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง แต่บางรายอาการอาจมีภาวะขาดน้ำและน้ำน้อย

การรักษาและป้องกันโรคมือเท้าปากในเด็ก: คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

การรักษาโรคมือเท้าปาก

ยังไม่มียารักษาที่เฉพาะเจาะจง, การรักษาจะเน้นที่การบรรเทาอาการ โดยให้ยาลดไข้, ยาแก้ปวด, และยาชาเฉพาะที่ใช้รักษาแผลในปาก นอกจากนี้, การดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำ เด็กที่มีอาการรุนแรงหรือแทรกซ้อนจะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด

การป้องกันโรคมือเท้าปาก

ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้, การป้องกันที่สำคัญคือการแยกผู้ป่วยไม่ให้สัมผัสกับเด็กอื่น, การล้างมือของผู้ดูแล, และการทำความสะอาดเล่นและสภาพแวดล้อมทุกวัน การใช้สบู่, ผงซักฟอก, หรือน้ำยาทำความสะอาดสามารถกำจัดเชื้อได้ ควรระมัดระวังความสะอาดของน้ำ, อาหาร, และวัตถุที่เด็กอาจนำเข้าปาก โรงเรียนควรรับเด็กป่วยเข้าเรียนก็ต่อเมื่อเด็กนั้นหายดีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

การติดตามอาการ

ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานที่ป่วยไปพบแพทย์ ให้การรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ แจ้งโรงเรียนและเด็กควรหยุดเรียนจนกว่าจะหายดี, โดยทั่วไปโรคนี้จะหายเองภายใน 5-7 วัน แต่ควรเฝ้าระวังอาการซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายของภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้น