“ผีกะ” ผีพื้นบ้านภาคเหนือ

จากกระสือสู่ผีกะ "น้ำตาล ชลิตา" ฟิตติ้ง "วิญญาณแพศยา" เปิดตำนานหลอนผีกะ เลียหน้าเจาะลึกเรื่องหลอน “ผีกะ” ผีพื้นบ้านภาคเหนือ มีที่มาอย่างไร เลี้ยงแบบไหน

“ผีกะ” หรือ “ผีกละ” เป็นส่วนหนึ่งของชนิดของผีที่มีตำนานและภูมิปัญญาท้องถิ่นในภาคเหนือของประเทศไทย เฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีสถานะวัฒนธรรมเฉพาะ เช่น ภาคเหนือตอนบนที่มีอาณาเขตเผ่าเลอค่า และมีการสืบทอดประเพณีอันเข้มงวด หรือในพื้นที่ที่มีความศรัทธาทางศาสนาเฉพาะ เช่น ในบริเวณที่มีคนนับถือศาสนาฮินดู ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของภาคเหนือ

“ผีกะ” มักจะถูกบอกว่าเป็นผีที่มีลักษณะหน้าตาเป็นหน้าคน แต่มีขาสามขาหรือมีหัวสามหัว และมีทั้งหางตะปู หางอาจจะมีลักษณะเป็นหางสัตว์ ทั้งหางนกหรืองู การเลี้ยงดูผีกะมักจะเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น และมักมีการตั้งนายผีกะเป็นที่เคารพและได้รับการสักการะสูงสุดจากชุมชน

ตามความเชื่อท้องถิ่น ผีกะมีความสามารถในการทำดีและทำชั่ว โดยการตามคำสั่งของผู้เลี้ยงดู ถ้าผู้เลี้ยงดูดี ผีกะก็จะทำความดี แต่ถ้าผู้เลี้ยงดูทำชั่ว ผีกะก็อาจทำความชั่วร้ายได้ เป็นที่รู้จักในประเพณีเฉพาะ ผีกะบางครั้งถูกนำมาใช้ในการสอนศีลธรรมและความดี ในรูปแบบของนิทานพื้นเมือง

ตำนานผีภาคเหนือผีกะ เป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ผีพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายผี ปอบของทางภาคอีสาน ชอบเข้าสิงคนที่ดวงตกหรือคนที่ป่วย  และชอบกินของสดหรือของคาว คนที่นิยมเลี้ยงผีกะ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีวิชาอาคม…  - robio pungson - Medium

ผีกะ (ผีกละ) คืออะไร ทำไมต้องชื่อผีกะ? 

คำว่า “ผีกะ” หรือ “ผีกละ” มีความหมายว่า “ผีขึ้น” หรือ “ผีมี” แสดงถึงภูติที่มีตัวตนอยู่รอบๆ คนในครอบครัว ซึ่งมักจะถูกนำมาให้ความเคารพและปกป้อง เชื่อว่าการดูแลผีกะอย่างดีจะทำให้ครอบครัวมีความสง่างามและโชคดี

การเลี้ยงผีเป็นประจำในท้องถิ่นเหนือในทุก 3 ปี ทำขึ้นเพื่อให้ผีมีความสุขและอยู่ดี การเลี้ยงนั้นอาจรวมถึงการซื้อของสด การเตรียมเครื่องใน หรือการจัดพิธีพิเศษขึ้น เพื่อประดับและให้ความสำคัญแก่ภูติที่ถูกเลี้ยงนั้นๆ

ถ้าเจ้าของไม่ดูแลหรือไม่ให้ความสำคัญกับผีกะได้ มันสามารถทำให้ผีกะกลายเป็นทำลายหรือทำอันตรายได้ โดยการทำอะไรตามทำนอง “ตะกละตะกลาม” คือการทำลายทรัพย์สินหรือกินอาหารที่ไม่เป็นของตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธหรือพิโรธของผีกะที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

วิญญาณแพศยา" พร้อมลงจอช่อง 8 "น้ำตาล ชลิตา" รับบทท้าทาย ถ่ายทอดตำนาน

ผีกะมาจากไหน? 

เรื่องราวของผีกะจากนิทานปรัมปรา ที่เริ่มต้นจากกษัตริย์หนุ่มและขุนนางที่ได้ไปเรียนวิชาถอดจิตกับอาจารย์ผู้รอบรู้ที่เมืองตักศิลา หลังจากเรียนจบ, พวกเขาพากันกลับเมือง แต่กลายเป็นเหตุให้กษัตริย์ถูกถอดจิตและขุนนางถูกเอาจิตตนเองไปสิงกับกวางที่ตายใหม่.

เนื้อหาเน้นที่ความโลภของขุนนางที่ถอดจิตตนเองและทิ้งร่างของกษัตริย์, ซึ่งเพื่อหวังราชสมบัติและความรักจากพระชายา. อย่างไรก็ตาม, พระชายาคืบหน้ารู้สึกว่าพระสวามีนั้นแปลกไปและปฏิเสธการรับผีกะในร่างนั้น.

ในทำนองเดียวกัน, กษัตริย์ที่ถูกถอดจิตไปอยู่ที่นกแก้วได้บินไปบอกเรื่องราวให้พระชายาฟัง. จากนั้น, พระชายาอุบายให้ขุนนางทดลองวิชาในร่างของพระสวามี ทำให้จิตของขุนนางถูกถอดไปยังซากแพะ.

เมื่อถอดจิตไปที่ซากแพะ, กษัตริย์กลับมาอยู่ในร่างตัวเอง และสั่งให้ทำลายซากแพะนั้น. จิตของขุนนางทรยศหลุดไป
และกลายเป็น “ผีกะ” ในที่สุด. นอกจากนี้, น่าสนใจที่ตำนานนี้มีสัตว์พาหนะคือนกเค้าแมวที่ถือว่าเป็นลางสัญลักษณ์ของการเตือนภัยหรือการปรากฏตัวของผีกะ

ไทยรัฐทีวี ชวนปลุกตำนานอาถรรพณ์ “ผีกะ” 12 มิ.ย.นี้ (คลิป)
หน้าตา-นิสัยของผีกะ

  1. หน้าตาของผีกะ: หน้าตาของผีกะไม่มีลักษณะที่แน่ชัดและขึ้นอยู่กับผู้พบเจอ. มีคำบรรยายว่าบางครั้งเป็นเด็กหน้าตาน่าเอ็นดู, บางครั้งมีรูปร่างเป็นยายแก่หลังโก่ง, มีคางยื่น, ผมยาว, เล็บยาว เป็นต้น.
  2. คนที่ถูกผีกะเข้าสิง: คนที่ถูกผีกะเข้าสิงมักมีอาการพูดเพ้อเจ้อ, เหม่อลอย, ปวดศีรษะ, ไม่สามารถกินหรือนอนได้, และอาจเป็นอัมพาตหรือสภาวะสติปัญญาเลอะเลือนทำให้เรียกว่าคน “สึ่งทึง.”
  3. นกเค้าผีกละ (นกเค้าแมว): เป็นสัตว์พาหนะประจำตัวของผีกะ. ถ้าใครเห็นนกเค้าแมวเป็นลางก่อน, ควรระวังเพราะมีตำนานเล่าว่าผีกะจะปรากฏตัวหลังจากนี้. นกเค้าแมวถือเป็นสัญลักษณ์ของการเตือนภัยหรือการปรากฏตัวของผีกะ.
  4. ความเชื่อเพิ่มเติม: มีความเชื่อว่านกเค้าแมวไม่ใช่สัตว์พาหนะของผีกะ, แต่เป็นไม้เบื่อไม้เมา. การเป็นลางของนกเค้าแมวถือว่าเป็นวิธีช่วยเหลือและส่งสัญญาณให้คนรับรู้ถึงการปรากฏตัวของผีกะ.

สรุปถึงลักษณะทั่วไปของผีกะที่มีหลายลักษณะตามความเชื่อและตำนานท้องถิ่น และว่าคนที่ถูกผีกะเข้าสิงจะมีอาการแปรปรวนต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและความลำบากในการทำกิจกรรมประจำวัน. นอกจากนี้, นกเค้าผีกละเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญในการเตือนภัยหรือการปรากฏตัวของผีกะตามความเชื่อท้องถิ่น.