“ท้าวสุรนารี วีรสตรีไทย ศูนย์รวมใจของชาวโคราช”

 

 

 

 

 

“เพลงสดุดีวีรกรรมท้าวสุรนารี: ตำนานความกล้าหาญแห่งหญิงไทย”

เนื้อเพลงสดุดีวีรกรรมท้าวสุรนารีที่ได้ร้องถ้อยคำและดัดแปลงให้ดังนี้:

“หญิงไทยใจกำแหง
ดาบก็แกว่ง เปลก็ไกว
สู้ศึกไม่หวั่นไหว
เกียรติกำจาย กระเดื่องดิน”

นี่คือส่วนในเนื้อเพลงที่กล่าวถึงวีรกรรมและความกล้าหาญของท้าวสุรนารี ชาวโคราชได้นำเพลงนี้มาร้องแสดงเป็นแบบฉบับของพวกเขาในทุกๆ วันที่ 23 มีนาคม ซึ่งถือเป็นวันที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย. ในวันนี้ท้าวสุรนารีมีชัยชนะในการขับไล่กองทัพของเจ้าอนุวงศ์จากเวียงจันทน์ในสงครามที่เรียกว่า “วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์” เมื่อปี 2369 ตามปฏิทินไทย.

ท้าวสุรนารีถือเป็นวีรสตรีไทยที่ทรงกล้าหาญอย่างมาก ท่านได้ขับไล่กองทัพทหารลาวออกจากท้องถิ่น และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และได้รับความเคารพจากประชาชนและชาวนครราชสีมาจนถึงปัจจุบัน. ท้าวสุรนารีถูกเรียกว่า “ย่าโม” คุณงามความดีของท่านมีชื่อเสียงทั่วไปทั้งในประวัติศาสตร์ไทยและในวันนี้.

เพลงนี้ไม่เพียงเป็นการเปรียบเทียบวีรกรรมของท้าวสุรนารีเท่านั้น, แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคน ในปัจจุบันที่สถานการณ์รอบโลกและรอบตัวเองมีความผันผวน แต่ถ้าทุกคนร่วมมือเข้มแข็ง, สามัคคี, กล้าหาญ, และเอื้อเฟื้อต่อกัน, ชาติก็จะมั่นคงอยู่ตลอดไป.

“ท้าวสุรนารี: ประวัติความสำคัญและการบูชาที่วัดพระนารายณ์มหาราช”

ท้าวสุรนารี เป็นตำนานของผู้หญิงที่ทรงกล้าหาญและได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี 2369 ตามปฏิทินไทย. ท้าวสุรนารีถึงแก่อสัญกรรมในปี 2395 ที่อายุ 81 ปี. หลังจากการเสียชีวิตของท้าวสุรนารี, เจ้าพระยามหิศราธิบดี (ทองคำ) ที่เป็นสามีได้ดูแลการจัดการศพและสร้างเจดีย์ที่วัดศาลาลอย. วัดศาลาลอยนี้เป็นที่สร้างขึ้นโดยท้าวสุรนารีเอง.

เมื่อเวลาผ่านไป, เจดีย์ที่วัดศาลาลอยได้รับความเสื่อมทราม, จึงได้มีการบริจาคเงินสร้างกู่ขนาดเล็กจากพลตรีเจ้าพระยาสิงหเสนี (สอาด สิงหเสนี), ข้าหลวงเทศาภิบาลเมืองนครราชสีมา. กู่นี้บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีใหม่ แต่ในภายหลังกู่นั้นก็ทรุดโทรมลงมา.

ความสำคัญของท้าวสุรนารียังคงมีอิทธิพลต่อชาวนครราชสีมาและประชาชนไทยทั่วไป. ถึงแม้กู่ที่สร้างขึ้นเพื่อรักษาอัฐิท้าวสุรนารีจะไม่ใหญ่มาก, แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ของความเคารพและความทรงจำต่อวีรสตรีที่กล้าหาญนี้. ปัจจุบัน, กู่ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์.

การบูชาที่วัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลางนคร) เป็นที่ทราบกันดีในประเทศไทย. ท้าวสุรนารีถูกบูชาและเคารพอย่างสูงเนื่องจากความกล้าหาญในการปกป้องแผ่นดิน. ท้าวสุรนารีกลายเป็นตำนานที่มีอิทธิพลในวงความคิดของชาวนครราชสีมา และได้รับการเคารพในวัฒนธรรมไทยทั่วไป.

“การสร้างหล่อหลงท้าวสุรนารี: อนุสาวรีย์เพื่อความจงรักภักดีและความทรงจำ”

พระยากำธรพายัพทิศ (ดิส อินทรโสฬส), ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, ร่วมกับข้าราชการและประชาชนชาวนครราชสีมา, ได้ร่วมมือสร้างอนุสาวรีย์ของท้าวสุรนารี โครงการนี้ได้รับการมอบหมายจากกรมศิลปากร, และศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีได้รับหน้าที่ในการออกแบบ, ร่วมกับพระเทวาภินิมมิตร (ฉาย เทียมศิลปไชย) ในการสร้างรูปหล่อทองแดงรมดำ.

รูปหล่อทำจากทองแดงมีลักษณะที่น่าทึ่ง, ท้าวสุรนารีถือดาบมือขวาในท่ายืน, ปลายดาบจรดลงที่พื้น. มือซ้ายท้าวสะเอว, และหันหน้าไปทางทิศตะวันตก, ที่เป็นทิศที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร. การตั้งค่าทิศตะวันตกนี้มีความหมายในการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์จักรี.

อนุสาวรีย์นี้ยังเป็นที่ระลึกถึงความงามความดีแห่งวีรกรรมของท้าวสุรนารี และเป็นอนุสาวรีย์สำหรับสตรีไทยคนแรกที่มีส่วนร่วมในการสร้าง. บนฐานอนุสาวรีย์นี้, ชุมชนและประชาชนในนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้างบริเวณรอบ ๆ ฐานเพื่อเสริมความสมบูรณ์และสวยงาม.

โครงการนี้จึงเป็นการทำนุบำรุงคุ้มครองที่ทำให้รูปหล่อท้าวสุรนารีได้รับการนำเสนอใหม่อย่างงดงาม. อนุสาวรีย์นี้ถูกบรรจุในบริเวณที่มีความสวยงามและสร้างเป็นที่ระลึกถึงวีรกรรมและความประสบความสำเร็จของท้าวสุรนารี, ผู้หญิงที่ทรงคุณค่าและความเป็นที่รักของชาวนครราชสีมา.”