ดนตรีแจ๊ส (Jazz) ศิลปะที่สร้างสรรค์จากอารมณ์และความรู้สึก

การมองมุมมองดนตรีแจ๊ส: การเข้าใจเสียงที่ไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูด

คำถามที่ผู้คนมักถามเสมอว่า “ดนตรีแจ๊สคืออะไร?” เหมือนเป็นปริศนาของโลกแตกที่คำตอบไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น คำตอบนี้มีหลากหลายมุมมองขึ้นอยู่กับประสบการณ์และมุมมองของแต่ละบุคคล

บางคนบอกว่าดนตรีแจ๊สมีเสียงที่ฟังสบาย ชิว ๆ และสร้างบรรยากาศโรแมนติกที่ดี ในขณะที่บางคนก็อาจพูดว่าไม่รู้เรื่องดนตรีแจ๊ส ฟังแล้วไม่เข้าใจ หรือบางคนถึงแม้จะชื่นชอบดนตรีแจ๊สก็ยังคิดว่ามีคอร์ดประหลาดเยอะมาก แม้ลุย อาร์มสตรอง (Louis Armstrong) คนในวงการทรัมเป็ตแจ๊สท่ามกลางครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 กล่าวไว้ว่า “หากคุณต้องถามว่าแจ๊สคืออะไร คุณจะไม่เคยรู้จัก” ถ้าคำพูดนี้ถือเป็นพื้นฐานของวงการ, จะว่าไปว่าการบรรยายดนตรีแจ๊สเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะมันเป็นสื่อที่ถ่ายทอดความรู้สึก, ประสบการณ์, และความเป็นตัวตนของนักดนตรี

ดนตรีแจ๊สเป็นการผสมผสาน: สร้างสรรค์ไร้ข้อจำกัด

จาก “ตำราทฤษฎีดนตรีแจ๊สและการอิมโพรไวส์” ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธีรัช เลาห์วีระพานิช ที่อธิบายถึง 5 ประการสำคัญของดนตรีแจ๊ส, ผู้อ่านสามารถได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์:

  1. การอิมโพรไวส์สำหรับดนตรีแจ๊ส

    ความหมายและบทบาทของการอิมโพรไวส์ที่เป็นจุดเด่นของดนตรีแจ๊ส ที่แสดงคีตปฏิภาณ, การด้นสด, และการประพันธ์ทำนองโดยไม่มีการตระเตรียมล่วงหน้า

  2. จังหวะในดนตรีแจ๊ส

    ความเป็นไปได้ของการใช้จังหวะซวิงในดนตรีแจ๊ส ที่เกิดจากการผสมผสานดนตรีแบบตะวันตกและการใช้จังหวะขัด (Syncopation)

  3. สำเนียงดนตรีแจ๊ส

    การใช้สุ้มเสียงหรือสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ของนักดนตรีแต่ละคน

  4. เสียงประสานดนตรีแจ๊ส

    การสร้างเสียงประสานที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้ดนตรีแจ๊สมีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์

  5. สังคีตลักษณ์และโครงสร้างของดนตรีแจ๊ส

    การอธิบายถึงลักษณะท่าทาง, อุปนิสัย, และรสนิยมของนักดนตรี ที่ทำให้ดนตรีแจ๊สมีความเป็นตัวตนเฉพาะ

การสร้างสรรค์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์

ผู้อ่านถูกท้าทายให้พิจารณาและถามตัวเองว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้ฟังทราบว่าบทเพลงที่กำลังฟังนี้เรียกว่าดนตรีแจ๊ส?” และเรียนรู้ว่าดนตรีแจ๊สไม่ได้มีข้อจำกัดทางเครื่องดนตรีหรือรูปแบบ, แต่มีความอิสระในการบรรเลงที่ทำให้นักดนตรีสามารถสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ได้ตามความชอบและความถนัดของตนเอง

ส่วนที่สำคัญของดนตรีแจ๊สเกิดมาจากการผสมผสานดนตรีของชาวแอฟริกันที่เป็นทาส, ที่นำทฤษฎีดนตรีตะวันตกมาประยุกต์ใช้ ทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างและเหมาะสมกับการบรรยางง์ของตนเอง

ในที่สุด, ผู้เขียนย่อมถึงคำสรุปว่า “ดนตรีแจ๊ส” เป็นหลายสิ่ง แต่น่าสนใจเพราะเป็นเรื่องความรู้สึก และถึงแม้เพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้อง ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราว, ประสบการณ์ชีวิต, และความเป็นตัวตนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยอารมณ์ความรู้สึก, ท่าทาง, และความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล